เมื่อวิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งสยามประเทศ กำลังเผชิญหน้ากับความจริงใหม่
ผมเคยบอกนิสิตเสมอว่า ตลาดแรงงานเปรียบเหมือนสิ่งมีชีวิต มันหายใจ มันเคลื่อนไหว และที่สำคัญมันไม่เคยรอใครเลย ในฐานะอาจารย์คนหนึ่งที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานมาหลายทศวรรษ ผมไม่เคยเห็นวิชาชีพไหนที่กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนที่รุนแรงเท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับวงการวิทยาศาสตร์การกีฬาในประเทศไทยตอนนี้ นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงนี่คือการปฏิวัติที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
ลองนึกภาพดูสิครับ เมื่อตื่นนอนตอนหกโมงเช้า คุณสวมนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ ที่บอกว่าคืนที่ผ่านมาคุณนอนหลับลึกเพียง 47 นาที และช่วง REM ของคุณถูกรบกวนถึงสามครั้ง มันแนะนำว่าวันนี้คุณไม่ควรออกกำลังกายหนัก แทนที่จะเป็นโยคะ ในขณะเดียวกัน คุณแม่วัย 68 ปีของคุณกำลังเข้าชั้นเรียนฟิตเนสออนไลน์ที่ปรับระดับความยากโดยอัตโนมัติตามความสามารถของเธอแบบเรียลไทม์ ส่วนลูกชายวัยรุ่นของคุณ เขาไม่ได้ฝึกซ้อมฟุตบอล แต่กำลังนั่งฝึกเพิ่มความเร็วในการคลิกเมาส์เพื่อเตรียมตัวแข่งขัน E-Sports ที่มีเงินรางวัลหลายล้านบาท
นี่คือโลกปี 2578 ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเราอย่างรวดเร็ว และคำถามง่ายๆ ที่ผมอยากถามคือ บัณฑิตวิทยาศาสตร์การกีฬาที่จบออกมาวันนี้ พร้อมสำหรับโลกนั้นแล้วหรือยัง?
เริ่มด้วยข่าวร้ายก่อนครับ จากการวิเคราะห์ประกาศรับสมัครงานในแพลตฟอร์มต่างๆ ผมพบว่าความเป็นจริงของตลาดแรงงานไม่ได้สวยหรูอย่างที่หลักสูตรมหาวิทยาลัยสัญญาไว้เลย ตำแหน่ง "นักวิทยาศาสตร์การกีฬา" ในอุดมคติที่นักศึกษาทุกคนฝันถึง ที่ได้ใช้ความรู้ในสาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา และชีวกลศาสตร์อย่างเต็มที่ มีอยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในทีมชาติหรือสโมสรกีฬาอาชีพระดับสูง ซึ่งเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของตลาดแรงงานทั้งหมด
แทนที่จะเป็นงานที่ใช้ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ ตลาดกลับเต็มไปด้วยตำแหน่งอย่าง "Sales Advisor" ในร้านค้าต่างๆ, "Counter staff" ในฟิตเนสเซ็นเตอร์ หรือ "Sale Representative" สำหรับอุปกรณ์กีฬา และสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ ตัวเลขเงินเดือนบอกความจริงที่โหดร้าย งานขายมีศักยภาพรายได้สูงกว่างานเทคนิคเยอะมาก ขณะที่เทรนเนอร์เริ่มต้นได้เพียง 15,000-19,000 บาท เซลล์ที่เก่งกลับสามารถทำเงินได้ถึง 60,000 บาทต่อเดือน
นี่คือสิ่งที่ผมเรียกว่า "ช่องว่างเชิงพาณิชย์" ครับ ช่องว่างระหว่างสิ่งที่เราสอนกับสิ่งที่ตลาดต้องการจริงๆ ตลาดไม่ได้ต้องการนักวิทยาศาสตร์การกีฬาบริสที่รู้เรื่องกายวิภาคศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องการคนที่สามารถขาย สามารถสื่อสาร สามารถแปลงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้เป็นมูลค่าทางธุรกิจได้ นี่คือทักษะที่หลักสูตรการศึกษาส่วนใหญ่ยังมองข้ามไป
แต่ข่าวร้ายนั้นแค่บทเริ่มต้นครับ ข่าวดีคือ อนาคตกำลังเปิดประตูใหม่ที่ใหญ่กว่าและน่าตื่นเต้นกว่ามาก ในฐานะคนที่ศึกษาแนวโน้มมหภาค ผมเห็นสามกระแสใหญ่ที่กำลังบรรจบกัน และเมื่อมันบรรจบ มันจะสร้างโอกาสทางอาชีพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
กระแสแรกคือการปฏิวัติข้อมูล เราไม่ได้พูดถึงแค่การมีเทคโนโลยีใหม่ๆ นะครับ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของวิชาชีพ จาก "ศิลปะ" ที่อาศัยประสบการณ์และสัญชาตญาณ ไปสู่ "ศาสตร์" ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ตลาดอุปกรณ์สวมใส่สำหรับกีฬา Wearable Device กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด จาก 2.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 เป็น 9.4 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2578 นั่นคืออัตราการเติบโต 15% ต่อปี ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่สถิติ มันคือเสียงเรียกที่บอกว่าอนาคตจะไม่มีที่ให้กับใครที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยี
ลองคิดดูนะครับในอดีต การเป็นโค้ชหรือเทรนเนอร์หมายถึงการดูการเคลื่อนไหวด้วยตาเปล่า การจดบันทึกด้วยมือ และการปรับโปรแกรมโดยอาศัยประสบการณ์ แต่ในอนาคต คุณจะเป็นนักแปลความหมายของข้อมูล คุณจะใช้ AI วิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนไหวที่ละเอียดกว่าที่ตามนุษย์มองเห็นได้ คุณจะใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์พยากรณ์ว่านักกีฬาคนไหนมีความเสี่ยงจะบาดเจ็บก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง คุณจะสร้างโปรแกรมการฝึกที่ปรับเปลี่ยนได้เองโดยอัตโนมัติตามข้อมูลเรียลไทม์
กระแสที่สองคือคลื่นสึนามิสีเงิน ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนถึง 20% แล้ว และตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่ปัญหา นี่คือโอกาสทางธุรกิจขนาดมหึมา รัฐบาลกำหนดให้ "เศรษฐกิจสุขภาวะ 5.0" เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ ศูนย์ฟิตเนสสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะกำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศ บริษัทต่างๆ ลงทุนในโปรแกรมสุขภาพเพื่อพนักงานสูงวัย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาวะกำลังเฟื่องฟู
จากมุมมองทางเศรษฐศาสตร์ นี่คือตัวอย่างคลาสสิกของ "Demographic Dividend" ที่กำลังเปลี่ยนรูปแบบ เมื่อก่อนเราพูดถึง Demographic Dividend ในแง่ของประชากรวัยแรงงานที่เพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้เรากำลังเห็น "Silver Dividend" ประชากรผู้สูงวัยที่มีกำลังซื้อสูง มีความต้องการดูแลสุขภาพ และเต็มใจจ่ายเงินเพื่อคุณภาพชีวิต สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่การวิ่งเร็วขึ้นหรือกระโดดสูงขึ้น แต่เป็นความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างอิสระ การป้องกันการหกล้ม การจัดการกับโรคเรื้อรัง และการขยาย "Health Span" ไม่ใช่แค่ Life Span
กระแสที่สามคือสมรภูมิดิจิทัล E-Sports ได้รับการยอมรับให้เป็นกีฬาอาชีพอย่างเป็นทางการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2564 แล้ว มีสมาคมที่เป็นทางการภายใต้การกีฬาแห่งประเทศไทย และที่สำคัญ—มีเงินรางวัลหลายล้านบาท แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ทีม E-Sports ในต่างประเทศมีทีมสนับสนุนครบวงจร ตั้งแต่นักวิทยาศาสตร์การกีฬาไปจนถึงนักจิตวิทยา แต่ทีมไทยส่วนใหญ่ยังไม่มี นี่คือช่องว่างที่รอให้ใครสักคนเข้ามาเติม
E-Sports เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการขยายนิยามคำว่า "สมรรถนะ" ครับ มันไม่ได้เกี่ยวกับความแข็งแรงหรือความเร็ว แต่เป็นเรื่องของความเร็วในการตัดสินใจ ความแม่นยำของการควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็ก ความสามารถในการรักษาสมาธิภายใต้ความกดดัน และการทำงานเป็นทีมในสภาวะวิกฤติ นักกีฬา E-Sports ไทยมีปัญหา Computer Vision Syndrome สูงถึง 89.47% พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นต้องเข้าใจโลกของพวกเขาด้วย
เมื่อสามกระแสบรรจบกัน
สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นจริงๆ ไม่ใช่แต่ละกระแสเหล่านี้ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมันบรรจบกัน ลองนึกภาพดูนะครับ คุณใช้เทคโนโลยี AI และ Wearables ในการติดตามสุขภาพของผู้สูงวัย คุณใช้เซ็นเซอร์วัดระดับความเครียดและสมาธิของนักกีฬา E-Sports คุณใช้ Big Data ในการออกแบบโปรแกรมโภชนาการที่เหมาะกับสมองของเกมเมอร์อาชีพ
นี่คือจุดที่วิชาชีพกำลังเปลี่ยนแปลงจาก "Sport Scientist" ไปเป็น "Human Performance Optimizer" ครับ ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญด้านสมรรถภาพทางกาย แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเพิ่มประสิทธิภาพมนุษย์แบบองค์รวม ทั้งกาย จิตใจ และสมอง
อนาคตที่เป็นรูปธรรม
ให้ผมวาดภาพชัดๆ ของตำแหน่งงานในอนาคตให้ดูครับ AI-Assisted Performance Coach จะไม่ใช่แค่คนที่นำคุณออกกำลังกาย แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากนาฬิกาอัจฉริยะ สร้างโปรแกรมที่ปรับเปลี่ยนแบบไดนามิกตามสภาพร่างกายของคุณในแต่ละวัน และอธิบายให้คุณเข้าใจว่าทำไมวันนี้คุณควรพักแทนที่จะออกกำลังกายหนัก
Sports Data Analyst จะเป็นนักเทคนิคขั้นสูงที่เขียนโปรแกรมได้ ใช้ Python หรือ R วิเคราะห์ข้อมูลชีวกลศาสตร์ สร้างแบบจำลองทางสถิติเพื่อพยากรณ์ความเสี่ยงของการบาดเจ็บ และแปลงข้อมูลที่ซับซ้อนให้กลายเป็นกราฟที่โค้ชเข้าใจได้
Geriatric Exercise Specialist จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุที่ไม่ได้แค่ออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย แต่เข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับสรีรวิทยาของความชรา รู้ว่าจะป้องกันการหกล้มอย่างไร จัดการกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างไร และที่สำคัญ—สื่อสารกับผู้สูงวัยอย่างไรให้เขารู้สึกมีศักดิ์ศรีและมีพลังอำนาจในการควบคุมสุขภาพของตัวเอง
E-Sports Performance Manager จะเป็นผู้จัดการแบบองค์รวมที่ดูแลทุกอย่างตั้งแต่โภชนาการเพื่อสมอง การฝึกความเร็วปฏิกิริยา การจัดการความเครียด ไปจนถึงการป้องกันปัญหาสายตาและระบบกระดูกกล้ามเนื้อจากการนั่งนาน พวกเขาจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกของวิทยาศาสตร์กับโลกของ E-Sports
คำถามที่คุณต้องถามตัวเอง
ตอนนี้มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดแล้วครับ คำถามที่ผมอยากให้คุณถามตัวเองมีสองข้อ
ข้อแรก: คุณเป็น Specialist หรือ Generalist? นี่ไม่ใช่คำถามง่ายๆ นะครับ ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเป็น Generalist ที่รู้นิดหน่อยทุกอย่างอาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่การเป็น Specialist ที่รู้ลึกเพียงเรื่องเดียวก็อันตรายเช่นกัน คำตอบที่ผมเห็นคือ—คุณต้องเป็น "T-shaped Professional" มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ลึก (ขีดตั้ง) แต่มีความเข้าใจในหลายสาขาที่กว้าง (ขีดนอน)
ข้อสอง: คุณพร้อมเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือเปล่า? นี่ไม่ใช่คำถามเชิงอุดมคติ แต่เป็นข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับความอยู่รอด ในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงทุก 5-10 ปี ปริญญาที่คุณจบมาจะไม่สามารถพาคุณไปตลอด 40 ปีของชีวิตการทำงานได้ คุณต้อง Upskill—เพิ่มทักษะใหม่ให้กับงานเดิม หรือ Reskill—เรียนรู้ทักษะใหม่ทั้งชุดเพื่อเปลี่ยนสายงาน
แผนที่นำทางอนาคต
ถ้าคุณเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ ให้เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เลย อย่าพึ่งพาแค่หลักสูตรมหาวิทยาลัย ลงเรียนวิชาโทหรือหลักสูตรเสริมในสาขาวิทยาศาสตร์ข้อมูล สถิติ หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ หาโอกาสฝึกงานในบริษัทเทคโนโลยีการกีฬา ไม่ใช่แค่ในทีมกีฬาแบบดั้งเดิม ลองไปดูธุรกิจ E-Sports หรือศูนย์สุขภาพผู้สูงวัย และที่สำคัญ อย่ามองข้ามทักษะเชิงพาณิชย์ ลองทำงานพาร์ทไทม์ในร้านค้าอุปกรณ์กีฬาหรือฟิตเนสเซ็นเตอร์ เพื่อเรียนรู้ว่าตลาดจริงๆ มันเป็นอย่างไร
ถ้าคุณเป็นศิษย์เก่าที่ทำงานอยู่แล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าคุณจะไปทางไหน ถ้าคุณเป็นโค้ชหรือเทรนเนอร์ ลงทุนเรียนหลักสูตรการวิเคราะห์ข้อมูล ไปเอาใบรับรอง Certified Performance & Sport Scientist (CPSS) หรือ Certified Sports Data Analyst ถ้าคุณอยากเปลี่ยนสายงาน ลองดูตลาดเฉพาะกลุ่มที่กำลังเติบโต ไปเรียนเป็น Senior Fitness Specialist หรือเข้าอบรมด้าน Sport Psychology สำหรับ E-Sports
และที่สำคัญที่สุด อย่าปิดกั้นตัวเองอยู่แค่ในแวดวงกีฬาเดิมๆ ขยายเครือข่ายไปยังวงการเทคโนโลยี วงการสุขภาพ วงการธุรกิจ โอกาสใหม่ๆ มักจะอยู่ที่จุดตัดระหว่างหลายอุตสาหกรรม ไม่ใช่ตรงกลางของอุตสาหกรรมเดียว
ทางเลือกอยู่ที่คุณ
ผมจะจบด้วยเรื่องเล่าสั้นๆ นะครับ เมื่อหลายปีก่อน ผมมีนิสิตคนหนึ่งที่เรียนเศรษฐศาสตร์ เธอมาปรึกษาว่าอยากเปลี่ยนสายไปทำงานด้านฟิตเนส ผมถามว่า "ทำไมต้องเลือก? ทำไมไม่รวมมันเข้าด้วยกันล่ะ?" วันนี้เธอบริหารธุรกิจฟิตเนสเซ็นเตอร์ที่ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมของสมาชิก สร้างโปรแกรมที่เหมาะสมกับแต่ละคน และที่สำคัญเข้าใจตัวเลขทางธุรกิจดีกว่าคู่แข่งทั้งหมด
อนาคตของวิชาชีพวิทยาศาสตร์การกีฬาไม่ได้เป็นของผู้ที่รู้แค่เรื่องกายวิภาคศาสตร์ดีที่สุด หรือวิ่งเร็วที่สุด แต่เป็นของผู้ที่สามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้จากหลายสาขาเข้าด้วยกัน ผู้ที่กล้ายอมรับว่าสิ่งที่เรียนมาไม่เพียงพอและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา และผู้ที่เห็นว่าเทคโนโลยีไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น
ปี 2578 อาจดูไกลแสนไกล แต่เทรนด์ที่จะนำไปสู่อนาคตนั้นกำลังเกิดขึ้นแล้ววันนี้ คำถามสำคัญคือ คุณจะเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ยืนอยู่ข้างทาง หรือจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของวิชาชีพนี้ในทศวรรษหน้า?

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น