เมื่อคนไม่เข้าใจศิลปะ...แต่มีอำนาจเหนือศิลปิน
ผมเห็นภาพมาสคอตใหม่ของซีเกมส์แล้วได้แต่ถอนหายใจ...เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่อง “รสนิยม” อีกต่อไป แต่คือปัญหาของ “วิธีคิด” ที่ไม่เข้าใจ ศาสตร์ของการออกแบบเลย มาสคอต “สาน” ที่เดิมถูกออกแบบให้มีความหมายจาก “หมอนอิงไทย” เป็นสัญลักษณ์ของ การสานสัมพันธ์ ความอบอุ่น และความเป็นไทย อยู่ในแก่นของโครงสร้างอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องถูก “ยัดเยียดความเป็นไทย” ด้วยการเอาสีธงชาติมาหุ้มทั้งตัว เดิมผมเข้าใจว่า ศิลปินที่ออกแบบพยายามสะท้อนแนวคิดถึงความร่วมสมัย ในการนำเส้นสายลายเส้น มาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมและวิถีชีวิต จึงออกแบบมาเป็นมาสคอต แต่วันดีคืนดี ก็มาถูกยัดเยียดความเป้นชาตินิยมเข้าไปในโลโก้ซะงั้น ผิดความตั้งใจและเจตนารมย์ของศิลปินในการถ่ายทอดผลงานอย่างสิ้นเชิง
ในทางการออกแบบ เรียกว่า Redundancy คือ “การใส่ความหมายซ้ำ” ที่ไม่จำเป็นและทำลายความกลมกลืนของต้นแบบ ในเชิง Semiotics (ศาสตร์แห่งสัญญะ) สีธงชาติไทยไม่ได้สื่อความหมายเฉพาะตัวในสายตาชาวโลก ดังนั้นการคิดว่า “แค่ลงสีธงชาติแล้วทุกคนจะรู้ว่าเป็นไทย” คือความเข้าใจผิดเชิงวัฒนธรรมอย่างร้ายแรง ก็เหมือนมวยไทยนั่นแหละ ที่ชาตินี้ก็ยากที่จะเข้าโอลิมปิกเกมส์ เพราะเราดันไปผูกขาดไว้กับเราประเทศเดียว ฉันใดก็ฉันนั้น
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่ามาสคอต คือ “ระบบการตัดสินใจ” ที่ให้คนไม่มีความรู้ในวิชาชีพ มาควบคุมงานของมืออาชีพ นี่คือ Cultural Authoritarianism รูปแบบหนึ่งของ “อำนาจนิยมทางวัฒนธรรม” ที่เชื่อว่าความคิดของผู้มีตำแหน่ง สำคัญกว่าความรู้ของผู้มีความสามารถ
ความเป็นไทยไม่ต้องตะโกนด้วยธงชาติครับ มันอยู่ในเส้นสาย จังหวะ รูปทรง วัสดุ และความละเอียดของงานอยู่แล้ว แต่ถ้าเรายังให้ “คนไม่รู้เรื่อง” มานั่งตัดสิน “สิ่งที่ต้องใช้ความรู้” เราก็จะได้ผลงานที่สะท้อน “ความงี่เง่าระดับนโยบาย” เช่นนี้แหละ หรือว่าชาตินิยม ยังคงขายได้กับคนไทยด้วยกัน แต่นี่เรากำลังพูดถึงกีฬาที่เราจะใช้ในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนนะเว้ย ลดความเป้นชาตินิยมลงบ้าง กีฬาต้องปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองนะครับ
ศิลปะกับอำนาจนั้น ไม่ควรถูกสานเข้าด้วยกันโดยคนที่ไม่รู้จักการสานจริง ๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น