มวยเด็ก: ความเสี่ยงภายใต้แสงแห่งซอฟท์พาวเวอร์
ในยุคที่ประเทศไทยพยายามใช้ “มวยไทย” เป็นเครื่องมือสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมผ่านแนวคิด ซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) บนเวทีโลก มวยไทยได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเอกลักษณ์ไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งในแง่กีฬา ศิลปะป้องกันตัว การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับซอฟท์พาวเวอร์อย่างมากมาย ภายใต้แสงแห่งซอฟท์พาวเวอร์ ที่ไม่ถูกส่องไปตามซอกหลืบของมุมตึก ในขณะที่โลกชื่นชมความงดงามของศิลปะแม่ไม้มวยไทย ยึงมีด้านมืดที่อ่อนไหวและอาจบั่นทอนภาพลักษณ์ของซอฟท์พาวเวอร์นี้ นั่นคือ “มวยเด็ก” ซึ่งเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางสุขภาพ สิทธิมนุษยชน และอาชญากรรมข้ามชาติ
งานวิจัยในประเทศโดย ศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ (2561) และการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าเด็กนักมวยที่เริ่มขึ้นชกตั้งแต่อายุน้อย มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดภาวะสมองบาดเจ็บเรื้อรัง (Chronic Traumatic Encephalopathy: CTE) การตรวจคลื่นสมอง (EEG) ยังพบความผิดปกติที่สัมพันธ์กับปัญหาการเรียนรู้ ความจำ และพฤติกรรม (Sangtawesin et al., 2018) ซึ่งสอดคล้องกับงานศึกษานานาชาติที่ระบุว่า สมองของเด็กนั้นเปราะบางกว่าวัยผู้ใหญ่ และการได้รับแรงกระแทกซ้ำ ๆ สามารถนำไปสู่ภาวะ neurodegeneration (McCrory et al., 2017; Lumba-Brown et al., 2018)
อย่างไรก็ตาม ปัญหามวยเด็กไม่ได้จบแค่ในระดับ “สุขภาพ” เท่านั้น หากยังเชื่อมโยงกับ โครงสร้างทางสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำสูง ในหลายกรณี ซึงเรื่องความเหลื่อมล้ำ นี่เป็นปํญหาที่เราพูดกันมานานมากแล้ว และยังไม่เคยแก้ไขได้สำเร็จเสียที นักมวยเด็กมักมาจากครอบครัวที่ยากจน ถูกผลักเข้าสู่วงจรการแข่งขันเพื่อแลกกับเงินรางวัล ค่าตัวในการเลี้ยงชีพ ซึ่งไม่ต่างจาก “การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบแฝง” โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาแข่งขันในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด ในเรื่องของมาตรฐานการตัดสิน การตัดสินที่ยังถูกควบคุมด้วยการพนันขันต่อ ขาดอุปกรณ์ป้องกัน ขาดการดูแลที่ถูกต้องในการฝึกซ้อมหรือภายหลังจากการแข่งขัน หรือไม่ได้รับค่าตอบแทนอย่างเป็นธรรม ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO, 2017) ระบุว่า การใช้เด็กในการทำงานที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือมีผลกระทบต่อพัฒนาการ ถือเป็น รูปแบบของแรงงานเด็กที่เลวร้าย (Worst Forms of Child Labour)
ยิ่งไปกว่านั้น อุตสาหกรรมมวยเด็กยังถูกแทรกแซงด้วยระบบ การพนัน ที่แพร่หลายในเวทีมวยระดับท้องถิ่น ตามชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือเวทีไม่ขึ้นทะเบียน การพนันดังกล่าวไม่เพียงกระตุ้นให้มีการจัดการแข่งขันที่ขาดความปลอดภัย แต่ยังเปิดช่องให้เด็กตกเป็น “สินค้า” ในการเดิมพัน ซึ่งเชื่อมโยงกับการแสวงหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์และขัดต่อหลักจริยธรรมอย่างรุนแรง และนักมวยเด็ก เมื่อมีเงินรางวัล สิ่งล่อตาล่อใจอยู่เบื้องหน้า ก็จะไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองในการแข่งขัน แลกอาวุธกันอย่างหนักหน่วง
ในบางกรณี เด็กนักมวยถูกนำตัวข้ามจังหวัดหรือแม้กระทั่งข้ามพรมแดน โดยไม่มีเอกสารรับรอง หรือถูกสังกัดในค่ายที่ควบคุมตารางชีวิตตลอดวัน เนื่องจากสมุดประจำตัวนักมวยนั้นจะออกได้ก็ต่อเมื่อนักมวยมีอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป แล้วก่อนหน้านั้นหละ จะมีการดูแลอย่างไร ทั้งการฝึก อาหาร และการเดินทางไปชก ไปจนกระทั่งการตกลงและส่วนแบ่งผลประโยชน์ ซึ่งองค์การสหประชาชาติ (UNODC, 2021) เตือนว่า “การแสวงหาประโยชน์จากเด็กโดยไม่สมัครใจภายใต้การควบคุมของบุคคลที่สาม” อาจเข้าข่าย การค้ามนุษย์โดยนำกีฬามาบังหน้า แม้ในบางกรณีอาจไม่ใช่รูปแบบรุนแรงแบบแรงงานทาส แต่ก็เป็น “ช่องสีเทา” ที่ละเมิดสิทธิเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของ UN (UNCRC, 1989)
แม้มวยไทยจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์ แต่หากการอนุรักษ์นั้นต้องแลกกับสุขภาพ สมอง และศักดิ์ศรีของเด็ก ก็ย่อมต้องได้รับการทบทวนเชิงโครงสร้าง แนวทางที่เสนอ เช่น การห้ามการแข่งขันแบบเต็มรูปแบบในเด็กต่ำกว่า 12 ปี การแยกระบบฝึกซ้อมกับระบบการแข่งขันเชิงพาณิชย์ การตรวจสอบสิทธิและสวัสดิภาพของเด็กในค่ายมวย และการควบคุมการพนันในเวทีที่มีเด็กเข้าแข่งขัน ล้วนเป็นแนวทางที่สังคมควรนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง
การส่งเสริมซอฟท์พาวเวอร์ของมวยไทยให้ก้าวไกลและยั่งยืนในเวทีโลก จำเป็นต้องเริ่มจากการขจัดจุดเปราะบางที่อาจกลายเป็นวิกฤตศรัทธา ชาวต่างชาติที่เขามาชื่นชมกับมวยไทย เมื่อเขาไปเจอกับมวยเด็ก เขากลับรู้สึก สงสารและสมเพช ที่เด็กกลายเป็นเครื่องมือในการทำมาหากินของผู้ใหญ่ โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงสวัสดิภาพของเด็ก ที่เขาเหล่านั้นจะกลายเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต หากเราปล่อยให้ปัญหาเช่นนี้ซุกอยู่ใต้พรม และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง มันไม่ใช่เพียงเพื่อภาพลักษณ์ของชาติเท่านั้น แต่เพื่อเด็กไทยทุกคนที่มีสิทธิจะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีคุณค่า และได้รับการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งพื้นฐานที่ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศของเรานะครับ
เอกสารอ้างอิง
• Adisak Plitponkarnpim. (2561). รายงานผลการศึกษาผลกระทบทางสมองจากการชกมวยในเด็ก. มหาวิทยาลัยมหิดล.
• Sangtawesin, W., Kositpajong, W., & Chaikittisilpa, N. (2018). Neurocognitive function and brain electrical activity in child boxers: A preliminary study. Tropical Medicine and International Health, 23(6), 645–651.
• McCrory, P., Meeuwisse, W., Dvořák, J., et al. (2017). Consensus statement on concussion in sport—the 5th international conference on concussion in sport held in Berlin, October 2016. British Journal of Sports Medicine, 51(11), 838–847. https://doi.org/10.1136/bjsports-2017-097699
• Lumba-Brown, A., Yeates, K. O., Sarmiento, K., et al. (2018). Centers for Disease Control and Prevention guideline on the diagnosis and management of mild traumatic brain injury among children. JAMA Pediatrics, 172(11), e182853. https://doi.org/10.1001/jamapediatrics.2018.2853
• International Labour Organization (ILO). (2017). Global estimates of child labour: Results and trends, 2012–2016. https://www.ilo.org
• United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC). (2021). Global Report on Trafficking in Persons 2020. https://www.unodc.org
• United Nations. (1989). Convention on the Rights of the Child (UNCRC). https://www.ohchr.org/.../instrum.../convention-rights-child
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น