ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การฝึกที่ระดับความหนักสูง ในกีฬาฟุตบอล High Intensity Training in Soccer ตอนที่ 1

the battle of thresholds and the misused concept of ‘high-intensity‘

การฝึกที่ระดับความหนักสูง ในกีฬาฟุตบอล
High Intensity Training in Soccer

BATTLE_def 

เราวิเคราะห์อะไรกันอยู่หรือ???
      หลายทีมในลีกฟุตบอลคงเคยจะประสบพบเจอกับการนำข้อมูลจาก แทรคเกอร์ (ระบบจีพีเอส) ติดตามนักกีฬาฟุตบอลไปใช้ใประโยชน์ บางครั้งอาจจะไม่เข้าใจเกี่ยวกับความหมายหรือ การใช้งาน ระดับหรือจุดที่ถูกสมมติขึ้นมา ขีดจำกัด Threshold นั้นมีมากมายสำหรับระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น GPEXE, Polar Team Pro ฯลฯ คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับตัวแปร และองค์ประกอบที่เราจะต้องการวิเคราะห์ และนำไปใช้งาน นั่นเอง ที่จะเป็นตัวบอกว่า เราจะนำข้อมูลด้านใดไปใช้ในการฝึกซ้อมได้อย่างไร บางคนกำหนดโซนขึ้นเองจากความรู้สึก บางคนสร้างโซนจากงานวิจัยที่บอกว่า โซนความเร็วจะเป็นเท่าไร แต่ท่านเชื่อไหมว่า ข้อมูลเหล่านี้ มันไม่เพียงพอ และหลายครั้งถูกนำไปใช้อย่างผิด ๆ และไม่เข้าใจถึงหลักการฝึกซ้อมทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ในการกำหนดความหนักในการฝึกซ้อมของนักกีฬาฟุตบอล ผลสุดท้ายก็คือ นักกีฬาฟุตบอลประสบปัญหา การฝึกเกิน Overtraining หรือ การบาดเจ็บ Injuries วันนี้เรามาดูกันว่า ข้อมูลจาก Tracker นั้น สามารถนำเอาไปใช้อะไรได้บ้าง หลายทีมยังคงใช้อัตราการเต้นของหัวใจ Heart Rate ในการดูความหนักในการฝึกซ้อม แต่ในระยะหลังในการแข่งขันฟุตบอล อัตราการเต้นของหัวใจนั้นถูกนำไปใช้ในการวัดการฟื้นสภาพ มากกว่า การติดตามสมรรถนะในการฝึกซ้อม หรือเกมการแข่งขัน สาเหตุก็คือ อัตราการเต้นของหัวใจจะเกิดขึ้นทีหลังการทำงานไปแล้ว เช่น การวิ่งสปรินท์ หลังจากนั้นจึงค่อยเกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราการเต้นของหัวใจ กีฬาประเภททีมที่จะต้องมีการเคลื่อนที่แบบรวดเร็วและต่อเนื่อง Intermittent Sprint การเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจ อาจจะบ่งบอกถึง สมรรถนะได้ไม่ดีนัก
ความเร็ว  Speed
            บ่อยครั้งที่เราใช้ ความเร็ว เป็นตัวแบ่งระดับของความหนักในการฝึกซ้อม บ้างก็ใช้ เวลา ระยะทางที่ทำได้ Distance Cover แล้วนำมาจัดเข้าเป็นกลุ่ม ๆ หรือเรียกว่าการแบ่งโซน จากนั้นก็มานั่งบอกเอาว่า ถ้ามีอีเวนต์ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงมาก ๆ มาก นั่นแสดงว่ามีระดับความหนักของเกมสูง เป็นคำถามที่หลายคนกำลังสงสัย
            หลายปีที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางถึงเรื่องการกำหนดความหนักในการฝึกซ้อม เพียงเพราะการใช้ความเร็วเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่า คุณใช้พลังงานมากหรือน้อย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณฝึกแบบ Small Size Game การฝึกจำลองในสนามเล็ก ๆ โดยการปรับลดขนาดพื้นที่ลงนักกีฬาคุณจะมีจำนวนอีเวนต์ High Speed Run  เป็นจำนวนน้อย แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณไปเล่นในสนามใหญ่ จำนวนอีเวนต์ของ High Speed Run นั้นก็จะเพิ่มมากขึ้น นั่นเป็นเพราะการใช้ความเร็วนั้น มันมีสองปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องนั่นก็คือ ระยะทาง และ เวลา ในการเล่นสนามเล็ก ระยะทางสั้น เวลาก็น้อย ดังนั้น ความเร็วก็จะต่ำกว่า การเล่นในสนามมาตรฐาน ที่มีระยะทางให้เราได้เร่งความเร็วมากกว่าปกติ นอกจากองค์ประกอบของความเร็วแล้ว ยังมีเรื่องของความสามารถในการรักษาระดับความเร็วเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งก็ต้องใช้การทำงานของระบบต่างๆ เข้ามาร่วมกัน ทั้งระบบกล้ามเนื้อ ระบบหัวใจและไหลเวียนโลหิต
โดยปกติแล้ว การกำหนดโซนความเร็ว อาจจะแบ่งออกได้เป็น กลุ่ม ๆ ย่อยได้ดังนี้ 0-8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นการเดิน Walking จากนั้นเราก็จะแบ่งความเร็วที่สูงกว่า 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นการวิ่ง และ เกิน 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็น High Speed Running แต่เราลองมาดู นักวิ่งมาราธอนชาวเคนย่า Eliud Kipchoge มีเพสในการวิ่งมาราธอนอยู่ที่ 2:53 นาทีต่อกิโลเมตร หรือ 20.81 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในการวิ่งมาราธอน แต่ก็ไม่ใช่เป็นการสปรินท์ตลอดสองชั่วโมง
มีงานวิจัยชิ้นนึง ทำการศึกษาในทีม รีล มาดริด โดยการแบ่ง โซนของสปีด ออกเป็น 21.1-24.0 km/h (high-intensity running, HIR), >24.0 km/h (Sprint), จำนวนอีเวนต์ของ high-speed runs (21.1-24.0 km/h) และจำนวนอีเวนต์ของการสปรินท์ sprints (>24.0 km/h).



            พบว่า รูปแบบจำวนของอีเวนต์ ในการวิ่งของทีมรีลมาดริด นั้น ไม่แตกต่างกัน ทั้งฤดูกาลแต่จะแตกต่างกับทีมคู่แข่งบ้างในบางตำแหน่ง นั่นแสดงว่า ในทีมระดับโลกนั้น ข้อมูลหรือรูปแบบการเคลื่อนที่ หรือการแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาลนั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ในแต่ละตำแหน่ง และจำนวน อีเวนต์ของความเร็ว นั้นก็มีเป็นจำนวนมาก

แล้วอะไรคือเกณฑ์ในการกำหนดการฝึกที่ความหนักสูงสำหรับกีฬาฟุตบอล ???
            การวิ่งที่ระดับความเร็วสูง High Speed Running นั้น มีความสัมพันธ์กับอัตราการเกิดการบาดเจ็บ เพราะว่า การวิ่งนั้นไม่ได้เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันของคนเรา ดังนั้น การวิ่งจะต้องอาศัยความสัมพันธ์ขององค์ประกอบของสมรรถภาพในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการลดความเมื่อยล้าที่จะเกิดขึ้น โดยเฉลี่ยแล้ว ในกีฬาฟุตบอลนั้น ระยะทางต่อแมทช์เฉลี่ย ของทีมที่ความเร็วมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (High Speed Running and Sprint) อยู่ที่ประมาณ 6 กิโลเมตรต่อทีม (โดยเฉลี่ยคือ 600 ม. สำหรับผู้เล่นแต่ละคนโดยเฉลี่ยผู้เล่นบางคนอาจจะน้อยกว่า 150 ม. และอื่น ๆ มากกว่า 1,000 ม.ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและแทคติก)  แล้วปัญหาที่ตามมาคือ นักฟุตบอลเหล่านั้น มีการฝึกที่เพียงพอหรือไม่กับเกมที่มีค่าเฉลี่ยขนาดนั้น แล้วการฝึกโดยใช้ความเร็วสูงๆนั้น เราจะประมาณค่าโหลดในการฝึกซ้อมและแข่งขันได้อย่างไร  แล้วเราจะรักษาความสมดุลของโหลดในระหว่างการฝึกซ้อมและแข่งขันได้อย่างไร...  ดังนั้น การใช้ความเร็วเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะคำนวณหาความหนักในการฝึกซ้อมได้ สำหรับกีฬาประเภททีม โดยเฉพาะฟุตบอล
ความเร่ง
            การใช้ความเร่งในการฝึกซ้อมนั้น มีข้อจำกัดมากมาย อย่างแรกคือ ความละเอียดของอุปกรณ์ที่เพียงพอหรือไม่ในการหาความเร่งของนักกีฬาในการฝึกซ้อม จากภาพทั้งสี่ภาพภาพแรก คุณจะเห็นว่า มันเป็นเรื่องที่ยากในการหาผลสรุปของความเร่ง ที่จะส่งผลต่อนักกีฬา
Schermata 2019-03-06 alle 18.38.54 

ภาพแรกแสดง ข้อมูลในการวิ่งที่ระดับความเร็วคงที่เป็นระยะเวลา 30 วินาที  เส้นสีส้มแสดงความเร็ว ของนักกีฬา จากนั้น ภาพด้านซ้ายล่าง เส้นสีเขียวแสดงถึงความเร่ง ของนักกีฬา ด้านขวาบน เมื่อเรานำค่าความเร็วมาผ่านการกรอง ข้อมูล แล้ว เป็นการวิ่งแบบเดียวกัน และภาพด้านขวาล่างเส้นสีเขียวคือความเร่งที่ผ่านการกรองข้อมูลแล้ว
            ประเด็นต่อมาคือ ตัวแปรสองตัวที่ต้องใช้ในการระบุความเร่ง นั่นก็คือ เกณฑ์ของความเร่งที่จะใช้แบ่ง และ ระยะเวลาที่อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์หรือเลยจุดแบ่งขึ้นไป แล้วเราจะเลือก จุดแบ่ง Threshold อย่างไรให้เหมาะสม มีคอนเซปต์หนึ่งที่มาพร้อมกับการใช้ความเร่ง นั่นก็คือ กรอบของเวลา ว่าคุณต้องการจะคำนวณความเร่งโดยใช้กรอบระยะเวลาเท่าใด เช่น เราจะคำนวณความเร่ง ทุกๆ 50 มิลลิวินาที หรือทุกๆครึ่งวินาที จะเป็นตัวที่ใช้ในการทำ Moving Average นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงของค่าเฉลี่ยนั่นเอง เพื่อเป็นการทำให้ข้อมูลมีความต่อเนื่องและได้ค่าเฉลี่ยที่สามารถนำไปฝึกซ้อมได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

-->
            เมื่อคุณได้ข้อมูลทั้งสองตัว ทั้ง ความเร็ว และ ความเร่ง แล้ว ครั้งต่อไปผมจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการกำหนดจุดหรือช่วง ที่ใช้สำหรับการฝึกซ้อม ทั้ง Speed และ Acceleration ว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกีฬาฟุตบอล ได้อย่างไรบ้าง ไว้ครั้งต่อไปจะมาเล่าให้ฟังนะครับ

อ้างอิงจาก 

di Prampero, P. E., & Osgnach, C. (2018). Metabolic Power in Team Sports - Part 1: An Update. Int J Sports Med, 39(8), 581-587. doi:10.1055/a-0592-7660
Miñano-Espin, J., Casáis, L., Lago-Peñas, C., & Gómez-Ruano, M. Á. (2017). High Speed Running and Sprinting Profiles of Elite Soccer Players. Journal of human kinetics58, 169-176. doi:10.1515/hukin-2017-0086


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ใครว่าพาร์กินสันออกกำลังกายไม่ได้ ลงวิ่งอัลตร้าเทรลกันเลยทีเดียว

พาร์กินสันก็ลงอัลตร้า ได้นะ Parkinson and Exercise... วันนี้ขออนุญาตแชร์เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ให้ฟังนะครับ เพื่อนผมชาวแคนนาดา เป็นครูสอนว่ายน้ำ อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงครับ เขาถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาทราบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนส่วนใหญ่ที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งหรอกครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขานั่นก็คือการออกกำลังกาย นั่นเอง หลังจากที่เริ่มฝึกออกกำลังกายอย่างจริงจังเมื่อประมาณ สิบเดือนที่แล้ว คริส  ก็เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังและซ้อมวิ่ง ภายใ้ต้การดูแลโดยสตีฟ เน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (อากาศนิยม) และ ฝึกความแข็งแรง รวมทั้งการเคลื่อนไหวของข้อต่อ Joint Mobility เราเลือกการฝึกแบบแอโรบิค โดยการคุม โซนอัตราการเต้นของหัวใจครับ และทดสอบระดับแลคเตททุกๆเดือน การกำหนดโปรแกรมเนื่องจากข้อจำกัดของคริส คือ ไม่สามารถจะทำการทดสอบ VO2max แบบทางอ้อม สตีฟ ได้เลือกวิธีการทดสอบด้วย Non-Exercise Test แลนำมาหาความสัมพันธ์กับการเจาะแลคเตท ด้วยวิธีการ Cooper's test ครับ วันนี้คริส สามารถจบรายการ Cordillera Conservation T

Full Squat VS Half Squat มุมมองในเชิงชีวกลศาสตร์

ศิริเชษฐ์  พูลทิพายานนท์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา มศว เป็นที่ถกเถียงกันในวงการเทรนเนอร์ในเรื่องของ Half Squat VS Full Squat นะครับ วันนี้เลยอยากจะเสนอมุมมองใหม่ในทางชีวกลศาสตร์กันดูบ้างสำหรับเรื่องของการสควอท ท่ายอดฮิตนะครับ สำหรับเทรนเนอร์ทั้งหลาย  โดยวันนี้ผมจะขอเขียนเป็นสามด้านนะครับ เปรียบเทียบกันทั้งสองท่าน ระหว่าง Half Squat และ Full Squat แต่ต้องขอออกตัวก่อนนะครับ นี่เป็นเพียงแค่การทำตัวอย่างนะครับ ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด สำหรับว่าท่าไหนจะดีกว่ากันนะครับ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิจัยกันอีกต่อไป แต่ที่แน่นอนนั่นก็คือ จุดมุ่งหมายแตกต่างกันแน่นอน ครับ แต่การนำไปใช้ก็ต้องมีข้อควรระวังด้วยนะครับ  *****ไม่งั้นจะหาว่าเจ้าของบล็อกไม่เตือน**** ผมทดลอง Squat อาสาสมัครเป็นผู้หญิง น้ำหนักประมาณ 65 กิโลกรัม ส่วนสูง 170.5 เซนติเมตร ผมลองทำโมชั่นแคปเจอร์ ของอาสาสมัคร โดยทำท่าสควอท สองแบบ นะครับ แบบแรกก็คือ การทำ Half Squat และ อีกแบบนึงก็คือการทำ Full Squat ครับ โดยผมเก็บการเคลื่อนไหว ด้วย IMU Sensors ซึ่งเป็นเซนเซอร์วัดความเร่งและการเคลื่อนไหวติดตาม ส่วนต่างๆของร่างกาย จากนั

EMMAA ระงับกิจกรรมทั้งหมดกับ IMMAF

  วันที่ 4 พฤษภาคม 2023 - สมาคมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานแห่งอังกฤษ (EMMAA) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะระงับการมีส่วนร่วมของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ตัดสินจากการแข่งขันและกิจกรรมทั้งหมดของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานนานาชาติ (IMMAF) จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เหตุผลของการตัดสินใจ การตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากจดหมายที่ EMMAA ส่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2023 ซึ่งได้รายงานถึงปัญหาด้านการปกป้องเด็กและการล้มเหลวของ IMMAF ที่ไม่ดำเนินการแก้ไขในเวลาที่ควร การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากมุมมองทางศีลธรรมและความซื่อสัตย์ หลังจากการปรึกษาหารือกับที่ปรึกษากฎหมายมืออาชีพ ประวัติความเป็นมาของ IMMAF แม้ว่า IMMAF จะเคยให้โอกาสและความทรงจำที่ดีแก่นักกีฬาของ EMMAA มาโดยตลอด แต่ปัจจุบันมาตรฐานของ IMMAF ได้เสื่อมโทรมลงอย่างมาก ทำให้ EMMAA ต้องตัดสินใจระงับการมีส่วนร่วมของตน ความขอบคุณต่อทีมงาน EMMAA ขอบคุณทีมงานอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการจัดการแข่งขันของ IMMAF อย่างไรก็ตาม EMMAA เห็นว่า ประธานกรรมการ ผู้บริหาร และคณะกรรมการของ IMMAF ได้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่