Fatigue หรือความเมื่อยล้า นั้นเป็นสิ่งสำคัญมากไม่ว่าจะเป็นในชีวิตประจำวันและในวิทยาศาสตร์การกีฬาก็เช่นกัน ตอนก่อนหน้านี้ผมเคยพูดถึง Morphology สำหรับนักกีฬาไปแล้ว ว่านักกีฬาแต่ละคนก็ย่อมมีความแตกต่างในด้านโครงสร้างและสรีระของร่างกาย
วันนี้เลยอยากจะเขียนต่ออีกสักเรื่องนึงเกี่ยวกับการออกแบบ อุปกรณ์ หรือแนวคิดที่จะช่วยให้นักกีฬาลด Fatigue ลงในระหว่างการฝึกซ้อม ซึ่งแนวคิดนี้ก็สามารถเอาไปอธิบายได้เกี่ยวกับการออกแบบทางการยศาสตร์ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ แนวคิดของ wöhler design จากคอนเซปต์ของ Fatigue ที่มีลักษณะตามภาพ ซึ่งปัจจัยของการทำให้เกิด Stress นั้นก็คือ ขนาดของความเครียด Stress และจำนวนวงรอบของการเกิดความเครียด ถ้าความเครียดมาก จำนวนครั้งน้อย หรือ ความเครียดน้อยๆ แต่จำนวนครั้งมาก Cycle มากนั่นเอง แต่ถ้าความเครียดนั้นหรือความเครียดสะสมมันเกินระดับที่วัตถุนั้นรับได้ นั่นก็คือวัตถุนั้นก็จะเสียสภาพไป ในมนุษย์เรา ถ้าเปรียบกระดูก และกล้ามเนื้อเปรียบเสมือนวัตถุ ดังนั้น ตามหลักของ wöhler ลองคิดดูเล่นๆ เช่นถ้าคุณกระโดดสูง Vertical Jump แรงที่เกิดมาก คุณก็จะกระโดดได้จำนวนครั้งที่น้อย แต่ถ้าคุณลองกระโดดเชือก คุณไม่ต้องกระโดดสูงแต่คุณต้องโดดต่อเนื่อง พอจำนวนครั้งมาก คุณก็จะรู้สึกเริ่มมีอาการล้าเกิดขึ้น นั่นเอง
ต่อมาพอเราเริ่มออกแบบผลิตภัณฑ์หรือออุปกรณ์ต่างๆ แม้กระทั่งการพัฒนานวัตกรรม เราก็มักจะใช้วิธีการ Inccured Cost นั่นหมายความว่า ตั้งแต่คุณออกแบบคอนเซปต์ ไปจนถึงการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ออกมานั้น คุณจะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เส้นสีม่วง ในภาพที่ 2 แต่ในสภาพเศรษฐกิจและธุรกิจปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันอย่างแพร่หลาย และสูงมาก การที่เราจะไปแบกต้นทุนแบบ Incurred Cost คงจะเป็นไปได้ยาก จึงมีการนำเสนอแนวคิดที่เรียกว่า Commited Cost คือการหาเครื่องมือที่ถูกต้องและทีมงานที่ดีที่จะมาทำให้กระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนาคอนเซปต์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ที่ออกจำหน่าย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนในกระบวนการคิด วิจัย และพัฒนาที่ต่ำลง
ไอเดียที่ถูกต้อง Right Idea และการคิดแบบจากข้างบนลงล่าง Top-Down Design เช่นเราจะสร้างเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกซ้อมอะไร และนำไปทดลองเพื่อทำ Simulation ก่อนที่จะไปเข้าใจว่า สมรรถนะของนักกีฬาเปลี่ยนไปอย่างไร ผมยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด นั่นก็คือ เรื่องของ Seated สำหรับจักรยาน เรือกรรเชียงก็ได้นะครับ ปกติถ้าเราอยากรู้ว่าช่วงไหนเหมาะที่สุดที่จะทำให้เรามีสมรรถนะที่สูงที่สุดและเมื่อยล้าน้อยที่สุด คนส่วนใหญ่ก็จะใช้วิธีการวัดความยาวขาเพื่อใช้ในการตั้งค่า Seat และค่อยๆปรับไปจนกว่าจะพอดี บางครั้งอาจจะกินเวลาไปหลายเดือนกว่าจะได้จุดที่เหมาะสมซึ่งเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เป็นการคิดแบบ Inccured Cost บางทีก็ยังไม่ทันใช้ แต่ด้วยแนวคิดของ Wöhler design เขาก็จะนำข้อมูลทั้ง Anthorpometry แรงต่างๆ การซับแรงต่างๆ และใช้การทำ Simulation หรือบางคนเรียกว่าการศึกษาตัวแปร Parameter Study เช่น ความสูงของที่นั่ง กับความยาวอาน โดยการเปลี่ยนความสูงของอานไปเรื่อยๆ และความยาวอานไปเรื่อยๆ คล้ายกับเมทริกซ์ จากนั้นเราก็จะได้ Fitting Value ค่าหนึ่งที่เป้นช่วงที่เหมาะสมที่สุด และเกิด Performance ดีที่สุด ครับ และเป็น Individual เจาะจงเฉพาะบุคคลนั้นๆ เลยครับ ก่อนที่จะไปลอง Fit จริงๆ ซึ่งมีความแม่นยำสูงมากกว่า ครับ
เรื่อง Wöhler design สำหรับวิทยาศาสตร์การกีฬาในประเทศไทย อาจจะเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สักนิดนึงนะครับ แต่ผมคิดว่ามันมีประโยชน์มากสำหรับการพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยีทางการกีฬา และชีวกลศาสตร์การกีฬา ใประเทศไทยครับ ถ้าเราอยากจะก้าวไปทัดเทียมกับมหาอำนาจทางการกีฬา เราจะต้องเริ่มที่ตัวของเรา จากวิทยาศาสตร์ การวิจัย และเทคโนโลยีครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น