การปิดตัวลงของนิตยสารชื่อดัง คู่สร้างคู่สม และอีกหลายฉบับอย่าง ดิฉัน หรือ แพรว คงเป็นเครื่องสะท้อนได้เป็นอย่างดีของภัยคุกคามในเรื่องของการบริโภคคอนเทนต์และความตื่นรู้ของคนไทยเรื่องลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา ที่ยังห่างไกลกับสากลโลกเป็นอย่างมากครับ คอลลัมน์หลายคอลลัมน์ถูกนำไปคัดลอกลงในอินเทอร์เน็ต ทั้งที่นิตยสารเหล่านั้นไม่มีนโยบายในการเผยแพร่คอลลัมน์หรือข้อเขียนในรูปแบบของออนไลน์ จึงเป็นสิ่งที่น่าคิดว่า แล้วคอลลัมน์นั้นไปอยู่ในโลกออนไลน์ได้อย่างไรทั้งที่ไม่มีการอนุญาต คำตอบคือ การทำโดยพลการและไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายอันใด นั่นเอง เพราะกฏหมายของไทย ไม่ได้ปกป้องเจ้าของลิขสิทธิ์อะไรเลย หรือถ้าหากจะต้องสู้กันก็คงจะต้องล้มหายตายจากกันไปก่อนกว่าที่คดีความจะยุติ นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ผู้ทำคอนเทนต์หลายรายยอมตัดใจเป็นช้อยเก็บฉาก ไป การปิดตัวลงของสำนักพิมพ์นั้นไม่ใช่แค่สร้างความเดือดร้อนต่อสำนักพิมพ์เท่านั้นแต่บรรดาคอลลัมน์นิสต์ พนักงานต่างก็ตกงานกันเป็นทิวแถวครับ นี่คือ เรื่องจริง นอกจากนี้แฟนคลับที่รอซื้อนิตยสารทุกเดือนยิ่งได้รับความทุกข์ไม่น้อยไปกว่ากัน
ย้อนมาดูวงการกีฬากันบ้าง เรื่องของทรัพย์สินทางปัญญากับลิขสิทธิ์นั้น ยิ่งดูยิ่งห่างไกลยิ่งนัก เพราะในบ้านเราเมืองเราแทบจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้เลย เรามารู้จักคำว่าลิขสิทธิ์กันนะครับ ลิขสิทธิ์เป็นสิทธิทางกฎหมายที่กฎหมายของประเทศหนึ่ง ๆ สร้างขึ้นซึ่งให้สิทธิแต่ผู้เดียว (exclusive right) แก่ผู้สร้างสรรค์งานต้นฉบับในการใช้ลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้ได้กับการนำเสนองานสร้างสรรค์ใด ๆ ระยะเวลาของลิขสิทธิ์ คือ ชีวิตของผู้ประพันธ์บวก 50 ถึง 100 ปี (คือ ลิขสิทธิ์จะหมดอายุ 50 ถึง 100 ปีหลังผู้ประพันธ์เสียชีวิต ขึ้นอยู่กับเขตอำนาจ) บางประเทศต้องมีข้อกำหนดลิขสิทธิ์ (copyright formality) เพื่อสถาปนาลิขสิทธิ์ ในเรื่องของการออกกำลังกาย หรือการกีฬานั้น ตัวอย่างของลิขสิทธิ์ก็เช่น ลิขสิทธิ์การออกกำลังกายภายใต้ชื่อ .... ทั้งหลายตามที่เราคุ้นชินตามสถานการออกกำลังกายชั้นนำ แบบทดสอบร่างกาย เช่น FMS หรือ แม้กระทั่ง อุปกรณ์การออกกำลังกาย ผมจะขอยกตัวอย่าง อุปกรณ์หลายๆประเภท ที่จะมีอุปกรณ์พร้อมกับท่าในการออกแบบนะครับ รวมทั้งสื่อที่มาในรูปเอกสาร หนังสือ ดีวีดี ฯลฯ ปัจจุบันพบว่า ลิขสิทธิ์ หรือ ทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้กำลังถูกนำไป คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ หรือนำไปเผยแพร่ โดยปราศจากการได้รับการอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิ์ หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นอย่างมากในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์การออกกำลังกายจำนวนมาก ถูกนำไปทำซ้ำ จากประเทศจีน แล้วนำเข้ามาจำหน่ายกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ในราคาที่ต่างกับเจ้าของลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญากันอย่างราวกับฟ้ากับเหว พร้อมกับการเปิดคอร์สอบรมหลักสูตร โดยที่ไม่มีการขออนุญาตจากเจ้าของสิทธิ์ ซึ่งเป็นที่แพร่เหลายกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะตลาดการกีฬาและการออกกำลังกายเป็นตลาดที่ใหญ่มากในประเทศของเรา ผมเคยไปใช้บริการฟิตเนสในประเทศอื่นๆใกล้ๆ ไกลๆบ้านเรา อุปกรณ์ทุกอย่างนั้น เป็นอุปกรณ์แท้ และลิขสิทธิ์ทั้งหมด เพราะเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในสิ่งเหล่านี้ครับ อุปกรณ์ก็อปปี้ราคานั้นแตกต่างกันกับสินค้าแท้ เช่น อุปกรณ์การฝึกซ้อม TRX Suspension ถ้าของแท้ สนนราคาอยู่ตั้งแต่ เจ็ดพันขึ้นไปแต่ของก็อปปี้อยู่ที่สนนราคาพันต้นๆ บางค่ายหนักกว่านั้น ก็อปทั้งโลโก้ ทั้งแบรนด์เลยก็มีครับ
เรื่องความอยู่รอดในยุค 4.0 มันเป็นเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับรวมทั้งการเคารพและให้เกียรติกับเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือ บรรดา Inventor ทั้งหลายนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการที่จะวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ขึ้นมาสักชิ้นหนึ่งนั้นเขาใช้เวลานานมาก แต่คุณสามารถใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการก็อปปี้ และทำลายมันลงได้อย่างรวดเร็ว การปิดตัวของนิตยสาร และวารสารหลายเล่มของประเทศไทย นี่ยังไม่นับรวมถึงค่ายเพลงต่างๆในประเทศ คงจะเป็นเรื่องที่สะท้อนถึง ความเป็นไทยแลนด์สไตลล์ เรื่องของลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญาได้เช่นกัน สำหรับเรื่องของการกีฬาและการออกกำลังกายก็เช่นกัน แม้คุณจะยังไม่เห็นผลกระทบโดยตรงแต่ หลายๆประเทศก็กำลังจับจ้องดูความประพฤติของคนไทยในเรื่องนีเช่นเดียวกัน ครับ บริษัทเหล่านี้เขารู้ความเป็นมาเป็นไปเป็นอย่างดี มากว่าคนไทยด้วยกันเองเสียอีก ถ้าเรายังวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเป็นของเราเองไม่ได้ ก็อย่าใช้วิธีการก็อปปี้เลยนะครับ มันทำให้เพื่อนร่วมชาติที่วิจัยและพัฒนานวัตกรรมขึ้นมาเองนั้น เขาลำบากไปด้วยครับ...ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผมเชื่อได้เลยครับ ว่าต่อไป พวกนวัตกรรมเหล่านี้คงไม่เข้าเมืองไทย แน่นอน เพราะเข้ามาแล้วก็กลัวที่จะถูก ก็อปปี้ นั่นเองครับ เพราะการก็อปปี้ มันไม่มีต้นทุน ระยะเวลา สมอง ในการวิจัยและพัฒนาครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น