ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Mechanical Power และ Muscle Power Load กับการบาดเจ็บของพี่ตูน

พลังทางกลศาสตร์ Mechanical Power และ โหลดที่มากระทำต่อกล้ามเนื้อ Muscle Power Load กับกีฬา เรื่องที่หลายคนมองข้าม แต่มันสำคัญเป็นอย่างมาก (รักพี่ตูนอย่าให้พี่ตูนวิ่งๆหยุดๆ นะครับ กรณีจากพี่ตูน เจ็บ ครับแล้วลองจินตนาการตามไป)

พารามิเตอร์ทางสรีรวิทยาการออกกำลังกาย โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่างความเร็ว และความเร่ง ในการทำนายความเสี่ยงในการเกิดการบาดเจ็บ (Risk Injury) โดยเฉพาะในกีฬาประเภททีมที่มีลักษณะของการเคลื่อนที่สลับกับพัก หรือ สลับกับเบา Intermittent Sport เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ซึ่งจะมีการเร่งความเร็วและการลดความเร็วในการเคลื่อนที่เสมอ ถ้าเปรียบเหมือนกับการฝึกความแข็งแรง การเพิ่มความเร็วในการฝึกนั่นก็คือ การฝึกให้กล้ามเนื้อมีการหดตัวแบบ Concentric ในขณะเดียวกัน การชะลอความเร็ว (Deceleration) ก็จะอาศัยการหดตัวของกล้ามเนื้อแบบ Eccentric ในการลดความเร็วลง (บางตำราก็บอกว่า Eccentric ไม่ใช่การหดตัวของกลามเนื้อเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงความยาวของเส้นใยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหดตัวยังไงแบบยืดยาวออกหว่า) ในนักกีฬาฟุตบอล แม้นักกีฬาจะมีการใช้เทคนิคในการหาความสมดุลของกล้ามเนื้อโดยการวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขา
ด้านหลัง กับ กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า Hamstrig/Quadriceps: H/Q ratio แล้ว แต่ก็ยังมีการบาดเจ็บเกิดขึ้นให้เห็นอยู่ แม้จะเทรนดีแค่ไหนแต่ก็ยังมีการบาดเจ็บให้เห็นอยู่เช่นกัน บาสเกตบอล วอลเลย์บอลก็หมือนกันนะครับ สาเหตุไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะฝึกนักกีฬาให้ฟิตขนาดไหน ก็ตามการบาดเจ็บก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นเราลองมาดูกันว่า สาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากอะไร ???

ในกีฬาฟุตบอล 1 เกม ที่มีลักษณะของ intermittent speed เราเคยทำการนับไหมเล่นๆ ดูมั้ยครับว่า นักกีฬาแต่ละคน มีการเปลี่ยนความเร็ว จากหยุดกลายเป็นวิ่ง แล้วกลับมาเดิน และหยุด หรือวิ่งๆ อยู่แล้วลดความเร็วลงเพื่อเปลี่ยนทิศทางกี่ครั้ง หรือแม้กระทั่ง การเปลี่ยนความเร็วจากการเดิน ไปเป็นวิ่ง แล้ว เร่งความเร็วขึ้นไปอีก แล้วลดความเร็วลงเป็นหยุดในระยะเวลาอันสั้น กี่ครั้งตลอด 90 นาที ถ้าเปรียบเหมือนรถยนต์ ถ้าเราขับรถกระชากไปมา เดี่ยวเหยียบเร่งไปที่ 120 แล้วลองหยุดในระยะกระชั้นชิด สิ่งที่ตามมาก็คือ เครื่องอาจจะพัง หรือเบรคอาจจะไหม้เช่นเดียวกัน แล้วถ้าเป็นนักกีฬาฟุตบอล สิ่งที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่และหยุด เบรค นั่นก็คือกล้ามเนื้อไงครับ ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้เกิดความเครียดขึ้นที่กระดูก เช่น กระดูกหัก กระดูกร้าว แต่ถ้าเกิดที่กล้ามเนื้อหรือเอ็นกล้ามเนื้อก็เช่น ACL Rupture กล้ามเนื้อช้ำ อักเสบ นั่นเอง สิ่งที่ตามมาก็คือการรักษา การฟื้นฟู ซึ่งทำให้นักกีฬาไม่สามารถฝึกซ้อมและแข่งขันได้ สาเหตุของการบาดเจ็บในกีฬาฟุตบอลไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อไม่สมดุลเท่าไร ในนักกีฬาอาชีพ เพราะฟิตเนสโค้ชก็ต้องเทรนมาดีระดับหนึ่งแล้วนะครับ แต่เกิดจาก การเปลี่ยนแปลงความเร็ว จำนวนๆมากๆ หลายๆครั้งนี่แหละครับ เกิดอาการล้าของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อไม่สามารถตอบสนองต่อการสั่งการได้ เกิดกล้ามเนื้อกระตุก นั่นเองครับ ดังนั้นนอกจากจะต้องฝึกสมรรถภาพทางกายแล้ว การมอนิเตอร์ความหนักในการฝึกซ้อมก็มีความจำเป็นไม่แพ้กันครับ ข้อมูลของการเร่งความเร็วและการลดความเร็ว จำนวนอีเวนต์ที่เกิดขึ้นสามารถบอกเราเป็นนัยๆ ถึงความเสี่ยงของการบาดเจ็บในการฝึกซ้อมครับ และจะต้องหาทางป้องกันต่อไป ถ้าเราไม่มีการมอนิเตอร์การฝึกซ้อมเลย สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราต้องปวดหัวเป็นอย่างมาก ที่นักกีฬาจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บในระหว่างการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก และทีมงานผู้ฝึกสอนก็จะไม่ทราบว่าโหลดที่เราให้ หรือโปรแกรมที่เราให้นั้นเพียงพอต่อความต้องการของนักกีฬาในแต่ละวันหรือไม่ มีลักษณะเป็น โมโนโทน หรือไม่ครับ หรือ ว่า หนักเกินไปสำหรับนักกีฬา 

ซึ่งการวัดทั้ง Mechanical Power และ Muscle Power Load เพิ่มขึ้นจาก การวัด Training load ที่ทำกันปกติแล้ว ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาประสิทธิภาพในการฝึกซ้อมได้ดีเป็นอย่างมากครับ พี่ตูนบาดเจ็บก็อาจจะมาจาก Mechanical Power หรือ Muscle Load ได้นะครับ เพราะพี่ตูนเดี๋ยววิ่ง เดี๋ยวหยุด ในหนึ่งวันเกิดขึ้นได้หลายครั้ง แม้ความเร็วจะไม่มากแต่จำนวนครี้งมากก็ส่งผลให้เกิดได้ครับ ไหนจะกล้ามเนื้อที่ล้ามาจากการวิ่ง ทั้งทางปกติและขึ้นลงเนินมาแล้ง ที่จะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ดังนั้น รักพี่ตูน เชียร์พี่ตูน ให้กำลังใจพี่ตูน อย่าให้พี่ตูนวิ่งๆหยุดๆ นะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ใครว่าพาร์กินสันออกกำลังกายไม่ได้ ลงวิ่งอัลตร้าเทรลกันเลยทีเดียว

พาร์กินสันก็ลงอัลตร้า ได้นะ Parkinson and Exercise... วันนี้ขออนุญาตแชร์เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ให้ฟังนะครับ เพื่อนผมชาวแคนนาดา เป็นครูสอนว่ายน้ำ อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงครับ เขาถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาทราบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนส่วนใหญ่ที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งหรอกครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขานั่นก็คือการออกกำลังกาย นั่นเอง หลังจากที่เริ่มฝึกออกกำลังกายอย่างจริงจังเมื่อประมาณ สิบเดือนที่แล้ว คริส  ก็เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังและซ้อมวิ่ง ภายใ้ต้การดูแลโดยสตีฟ เน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (อากาศนิยม) และ ฝึกความแข็งแรง รวมทั้งการเคลื่อนไหวของข้อต่อ Joint Mobility เราเลือกการฝึกแบบแอโรบิค โดยการคุม โซนอัตราการเต้นของหัวใจครับ และทดสอบระดับแลคเตททุกๆเดือน การกำหนดโปรแกรมเนื่องจากข้อจำกัดของคริส คือ ไม่สามารถจะทำการทดสอบ VO2max แบบทางอ้อม สตีฟ ได้เลือกวิธีการทดสอบด้วย Non-Exercise Test แลนำมาหาความสัมพันธ์กับการเจาะแลคเตท ด้วยวิธีการ Cooper's test ครับ วันนี้คริส สามารถจบรายการ Cordillera Conservation T...

มวยไทย: ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ได้เป็นของประเทศไทยเพียงชาติเดียว กับกระแสการไหลบ่าของวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด (The Art of Eight Limbs) ซึ่งใช้หมัด ศอก เข่า และเท้าในการต่อสู้ แม้ว่าชื่อ "มวยไทย" จะสื่อถึงประเทศไทย แต่แท้จริงแล้ว ศิลปะการต่อสู้นี้มีรากเหง้าที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการต่อสู้ของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น กุน ขแมร์ (Kun Khmer), เลธเหวย (Lethwei), มวยลาว และโทมอย (Tomoi) การแพร่กระจายและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ส่งผลให้ศิลปะการต่อสู้เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกันและพัฒนาไปพร้อมกันในแต่ละพื้นที่ สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ผ่านแนวคิดเรื่อง "การไหลบ่าของวัฒนธรรม" (Cultural Flows) ซึ่งเกิดขึ้นจากการติดต่อทางเศรษฐกิจ การค้าขาย การอพยพ และสงครามระหว่างรัฐในภูมิภาค การไหลบ่าของวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอิทธิพลต่อศิลปะการต่อสู้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีต จากหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ เราสามารถเห็นกระแสการไหลบ่าของวัฒนธรรมที่มีผลต่อการพัฒนาศิลปะการต่อสู้ในภูมิภา...

ฝึกความแข็งแรงของขาด้วย Suspension Trainer: อุปกรณ์เดียวเสริมสร้างความแข็งแรงที่ติดตั้งง่ายและจบในเครื่องเดียว

 การสร้างกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรงนั้น หลายคนมักนึกถึงการยกน้ำหนักเป็นอันดับแรก แต่บางครั้งเราก็ต้องการความแปลกใหม่ หรือบางทีคุณอาจเจอปัญหาเครื่องออกกำลังกายในยิมไม่ว่าง นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองเทรนด้วย Suspension Trainer อุปกรณ์อเนกประสงค์ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความมั่นคงให้กับร่างกายของคุณ ทำไมต้อง Suspension Trainer? Suspension Trainer ไม่ได้มีดีแค่เรื่องการสร้างกล้ามเนื้อ แต่ยังมีข้อดีมากมาย: ปรับความหนักเบาได้ตามต้องการ : ด้วยการปรับมุมของร่างกายหรือตำแหน่งเท้า คุณสามารถปรับระดับความยากง่ายได้ตามความแข็งแรงของคุณ เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และคนที่เทรนมานาน ฝึกได้หลากหลายท่า : ตั้งแต่ท่าสควอทแบบยกแขนเหนือศีรษะไปจนถึงท่าลันจ์ คุณสามารถสลับท่าต่างๆ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อขาได้ครบทุกมัด ได้ครบทั้งตัว : ด้วยความไม่มั่นคงของอุปกรณ์ ทำให้กล้ามเนื้อมัดเล็กและคอร์ต้องทำงานหนักขึ้น แม้จะตั้งใจเน้นขาก็ตาม พกพาสะดวก : เทรนได้ทุกที่ที่มีจุดยึด ไม่ว่าจะที่บ้าน กลางแจ้ง หรือในยิม วอร์มอัพก่อนเริ่ม การวอร์มอัพมีความสำคัญมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บและเพิ่มประสิทธิภาพในการ...