สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะครับ สำหรับปีใหม่นี้หลายประเทศก็คงจะเริ่มต้นแคมเปญ ต่างๆมากมาย เนื่องด้วยในปัจจุบันสังคมผู้สูงอายุกำลังคืบคลานเข้ามาเป็นอย่างมาก หลายประเทศได้วางมาตรการไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นหลายสิบปี เพื่อรอปีนี้ที่กำลังจะมาถึง ในยุคที่วิทยาการก้าวไปอยา่างต่อเนื่องและรวดเร็ว การนำ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาช่วยทำให้ชีวิตง่ายขึ้นมีมากมาย เทคโนโลยี Internet of Things ก็มักถูกนำมาใช้ Cloud Base ก็เช่นกัน เมื่ออุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อผ่าน IOTs แทบจะทั้งหมด การลงทุนพัฒนาแพลทฟอร์ม บนคลาวด์คอมพิวเตอร์ จึงต้องมีการคิดอย่างเป็นระบบ การบูรณาการข้อมูลมหาศาล ที่มีความปลอดภัยของข้อมูลในระดับที่แตกต่างกัน จึงมีความสำคัญ และจะต้องคิดให้รอบคอบ แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น ระดับนโยบาย หรือยุทธศาสตร์ของประเทศ จะต้องเปิดช่องให้การดำเนินการ และให้ความสำคัญอย่างจริงจัง
ที่ประเทศสิงคโปร์ นโยบาย Smart Nation ถูกริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2014 6 ปีก่อนหน้านี้ แล้ว สำหรับการเตรียมประเทศ คน และทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าขนาดของประเทศสิงคโปร์ นั้นสเกลเล็กกว่าประเทศไทย เป็นอันมาก ดังนั้น ถ้าเรามาดูในมิติของงบประมาณ ในปี 2017 ที่รัฐบาลสิงคโปร์ ทุ่มลงไปนั้นประมาณ 2400 ล้านเหรียญ สำหรับการพัฒนาระบบสารสนเทศ สตาร์ทอัพธุรกิจทางด้านไอที และ การเปิดประตูสู่ Open Data ที่สามารถเชื่อมโยงและบูรณาการองค์กรของภาครัฐต่างๆเข้าด้วยกัน ลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนระบบไอทีของแต่ละหน่วยงานลง นอกจากนี้ยังรวมถึง ระบบขนส่งสาธารณะ การดูแลกลุ่มประชากรสูงอายุ ระบบเซนเซอร์ต่างๆที่ติดตั้งเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจต่างๆของรัฐบาล ระบบธุรกรรมไร้เงินสด Cashless Society ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยังให้ความสำคัญกับระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ Cyber Security
Flagship Application: ถ้าพูดถึง Application ที่เป็น Flagship ของสิงคโปร์ก็คงหนีไม่พ้น GRAB ที่พยายามบูรณาการทุกอย่างเข้าด้วยกัน สำหรับประเทศไทยเราอะไรคือ FLAGSHIP หรือ UNICORN ของประเทศไทย ??? แม้กระทั่งอินโดนิเซีย เขายังมีแอพลิเคชั่น GOJEK ซึ่งเป็น FLAGSHIP ของประเทศเขา
สิ่งต่างๆเหล่านี้สิงคโปร์ได้ลงทุนเพื่อคนในชาติของเขา โดยมีฐานคิดเพื่อประเทศชาติ และประชากร อันนี้ซิที่เราเรียกว่า "รักชาติ" อย่างแท้จริงครับ สังคมผู้สูงอายุที่เริ่มเข้ามา ประเทศใดที่ปรับตัวได้ก่อนก็จะไม่เจ็บตัวมาก การลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน Infrastructure นั้นสำคัญมากกว่าที่เราจะเอาเงินไปแจกเป็นสวัสดิการ ให้กับเขาเหล่านั้น เพราะนับวันค่าครองชีพยิ่งสูงขึ้น การที่เราเอาเงินไปแจกเป็นเบี้ยยังชีพ เบี้ยคนชรา แต่ในทุกวันค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตกลับเพิ่มขึ้น มันเหมือนการเอาเงินไปละลายแม่น้ำ ทิ้ง นะครับ
สำหรับประเทศไทย เราคงต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และกล้าที่จะ Project ไปข้างหน้าและเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนเพื่อประชาชนพี่น้องชาวไทย ถ้าเราพูดกันถึงนโยบายทางด้านไอที เอง ลองนำนโยบาย Smart Nation ไปเปรียบเทียบกับนโยบาย Fake News ของรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัล แล้วเราก็คงเห็นได้ชัดถึงวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีทั้งสองท่าน ระหว่าง รัฐมนตรี DE ของประเทศไทย กับ รัฐมนตรีของสิงคโปร์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น