การฟื้นสภาพ Recovery ในนักกีฬา เรียนรู้จากการทำงานของท่านผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ในการช่วยเหลือทีมหมู่ป่าอะคาเดมี่ ⚽
ขอเป็นกำลังใจให้กับแผนการช่วยเหลือทีมหมู่ป่าอะคาเดมี่ ให้ทุกคนได้กลับบ้านได้ นะครับ นั่งติดตามข่าว แล้วก็ลองจับแนวคิดในการปฏิบัติงานในครั้งนี้ของฝ่ายต่างๆ ที่นำโดยท่านผู้ว่า ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าเชียงรายในฐานะของ ผอ.ศอร.แล้วลองโยงเข้ามากับเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา กันดูบ้างนะครับ ก็ขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องของการฟื้นสภาพของนักกีฬา ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจทุกท่าน นะครับ ⚽
เรื่องของการฟื้นสภาพนั้น จริงๆแล้วสำคัญไม่น้อยกว่าการกำหนดโปรแกรมการฝึกซ้อมนะครับ และผมก็เชื่อว่าหลายๆคนนั้น ยังไม่เข้าใจเรื่องของการฟื้นสภาพที่แท้จริง วันนี้เลยขออนุญาตเขียนเกี่ยวกับเรื่องของการฟื้นสภาพล้วนๆนะครับ ปกติแล้วเรากำหนดโปรแกรมการฝึกซ้อมโดยดูการฟื้นสภาพของนักกีฬาหรือไม่ ???
หรือว่าจะตามโปรแกรมการฝึกซ้อมของเรา เท่านั้น จากแต่ก่อนที่ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องของโหลดในนักกีฬาไปลแล้วทั้งสองตอนนะครับ ว่า นักกีฬานั้น มีโหลดต่างๆที่มากระทบต่อตัวเขาไม่ใช้แค่โหลดทางด้านสรีรวิทยาเพียงอย่างเดียว แต่มีโหลดอื่นๆมากมาย นะครับ ดังนั้นผู้ฝึกสอนหรือโค้ชก็ควรจะคำนึงถึงความเหมาะสมของโหลดที่เขาได้รับด้วย รวมทั้งการฟื้นสภาพของเขาเช่นกัน การฟื้นสภาพของนักกีฬา และอาการเมื่อยล้า Fatigue นั้นส่งผลทางตรงต่อความสามารถของนักกีฬา และได้รับความสนใจสำหรับนักกีฬาในเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ความสมดุลกันอย่างเพียงพอระหว่าง ความเครียด(การฝึกซ้อม การแข่งขัน หรือ องค์ประกอบอื่นในชีวิตประจำวัน) และการฟื้นสภาพของนักกีฬานั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับนักกีฬา ในการรักษาความต่อเนื่องของสมรรถภาพของเขา (ถ้าไม่เหมาะสม: เกิดสภาวะ Over training หรือ Overreaching ระดับสมรรถภาพของนักกีฬาก็จะลดลง ซึ่งทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมากในการรักษา และเสริมสร้างกันใหม่) งานวิจัยในปัจจุบันมักจะเน้นไปเที่ดีการวัดและติดตามองค์ประกอบทางสรีรวิทยาและพารามิเตอร์ทางจิตวิทยาที่จะมีผลต่อการฟื้นสภาพ หรือ กลยุทธ์ในการฟื้นสภาพที่จะส่งผลต่อพารามิเตอร์ทางสรีรวิทยาและจิตวิทยา แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว การติดตามสภาวะการฟื้นสภาพจะต้องมีการกระทำกันอย่างเป็นระบบ และเป็นกิจวัตร เพื่อพยายามที่จะรักษาการพัฒนาของนักกีฬาและป้องกันผลในทางบต่อนักกีฬา ที่จะส่งผลต่อทำให้เกิดสภาวะการฝึกเกิน พักผ่อนไม่เพียงพอ การบาดเจ็บและเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้นตามมา 📉
⁉️คำถามมีอยู่ว่า เมื่อเราออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬา Periodization เราเคยคำนึงถึงการฟื้นสภาพไหม
🏅ผมนึกถึงการทำงานของท่านผู้ว่าเชียงรายในกรณีการวางแผนช่วยเหลือนักเตะหมูป่า Academy เลยนะครับ สิ่งสำคัญในการตัดสินใจก็คือข้อมูล การทำงานบนพื้นฐานของข้อมูล จะทำให้เราตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งการปรับแผนการช่วยเหลือตามสภาพแวดล้อม สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างที่เราสามารถเอามาปรับใช้ได้ครับ Periodization เป็นแค่กรอบการทำงาน แต่แผน การทำงานเราสามารถปรับตามสิ่งแวดล้อม และข้อมูลครับ นี่คือข้อคิดที่ได้จากผู้ว่าเชียงราย ท่านณรงค์ศักดิ์ ที่จะเอาไปปรับใช้ในการกีฬาครับ สิ่งหนึ่งที่ผมได้ข้อคิดจากท่านผู้ว่าอีกอย่างนึงก็คือการแก้ไขปัญหาของท่านนั้นเป็นแบบองค์รวม มีการบูรณาการและสอดประสานในการทำงานของฝ่ายต่างๆ Holistic Approach ครับ ในขณะที่หลายๆคนยังมองเป็นการแก้ไขปัญหาแบบตัวแปรเดียว คือ Single Approach อยู่ครับ แต่การดำเนินการต่างๆแม้จะเป็น การทำงานในทุกฝ่ายแต่ก็ยังอยู่บนแผนคือ Search and Recovery ที่เป็นแผนการกู้ภัยอยู่นะครับ ที่สำคัญคือ ท่านปล่อยให้ทุกอย่างเดินตามแผน ไม่มีการเร่งแผน เจ้าหน้าที่มีการผลัดเปลี่ยนพักผ่อน ไม่โหลดหน้าที่ของทีมต่างๆมากจนเกินไป
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ ตัวเราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล นะครับ ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่ต้องทำทุกอย่างครับ ท่านไม่กลัวเสียศักดิ์ศรีที่จะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะดังนั้น ถ้าจะเปรียบกับ ในทางกีฬาคือ โค้ชที่บริหารจัดการคนที่เกี่ยวข้องให้สามารถทำงานร่วมกันได้ นี่คือ สุดยอดโค้ช โค้ชที่เก่ง
ไม่ใช่โค้ชที่ทำงานคนเดียวนะครับ การมีทีมงานที่ดีทำให้ประสบความสำเร็จ และท่านก็ไม่เคยอวดอ้างหรือทนงตน ท่าจะให้เครดิตทีมงานเสมอ เพราะทุกคนคือทีม Teamwork ครับ 🏅
ไม่ใช่โค้ชที่ทำงานคนเดียวนะครับ การมีทีมงานที่ดีทำให้ประสบความสำเร็จ และท่านก็ไม่เคยอวดอ้างหรือทนงตน ท่าจะให้เครดิตทีมงานเสมอ เพราะทุกคนคือทีม Teamwork ครับ 🏅
สำหรับแนวปฏิบัติที่ผู้เชี่ยวชาญได้สรุปมา มีดังนี้ 📈
การวัดและการติดตามการฟื้นสภาพ และความเมื่อยล้า Fatigue ในการฝึกซ้อมและแข่งขันนั้น เป็นสิ่งที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาจึงเน้นสาระสำคัญคือ คุณภาพของกระบวนการได้มาซึ่งข้อมูล ที่จะต้องวัดเป็นกิจวัตรจะทำให้สามารถรักษาระดับหรือเพิ่มระดับการฟื้นสภาพได้ (มีปัญหาก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันที) ในระหว่างการวางแผนนั้นจะต้องมีการตั้งเป้าหมายเรื่องของการฟื่นสภาพนั้นเป็นเป้าหมายหลักของทีม และต้องมีการทำงานร่วมกัน อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกสอน นักกีฬา ทีมงาน ซึ่งจะรวมถึงการปรับโปรแกรมการฝึกซ้อมของนักกีฬาได้อย่างทันที เมื่อเกิดปัญหา เช่น นักกีฬาเกิดอาการ Muscle Damage : Creatine Kinase พุ่งสูง หรือ Force Development เกิดการลดลง ความเมื่อยล้าของระบบประสาท และ การเปลี่ยนแปลงทของระบบเผาผลาญ ซึ่งจะต้องมีการติดตามด้วย การวัดข้อมุลส่วนบุคคลนั้จะต้องดูถึงสถานการณ์ และความต้องการรวมทั้งสิ่งที่จำเป็นด้วย ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายเป้นอย่างมาก สำหรับการนำการวิจัยไปสู่การปฏิบัติในสถานการณ์จริง การคำนวณโหลดของการฝึกซ้อมจากแผนการฝึกซ้อม และกิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มการฟื้นสภาพนั้นจะต้องวางแผนระยะยาว มากกว่า 6 เดือนและอ้างอิงจากข้อมูลที่เราได้เก็บในระะยาว การมีข้อมูลมากทำให้เราสามารถเลือก หรือ คัดกรอง รวมทั้ง หาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลต่อ หรือเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มการฟื้นสภาพของนักกีฬาได้
📈 สำหรับการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการฟื่นสภาพนั้น การวิจัยเพียงตัวแปรเดียว single Approach คงไม่สามารถบอกถึงการฟื้นสภาพของนักกีฬาได้อีกต่อไป การวิจัยแบบเป็นองค์รวม Holistic Apporach Model ในการหาแนวทางปฏิบัติสำหรับการวินิจฉัย การปรับปรุงโปรแกรม การรักษา หรือแม้กระทั้งการประเมิน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น