ขนาดนวม: ความเชื่อ ความจริง และการป้องกันการบาดเจ็บ ในนักกีฬาต่อสู้


นวมชกมวย Boxing Gloves เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการแข่งขันและความปลอดภัยในกีฬาต่อสู้ นักกีฬาหลายคนเชื่อว่านวมขนาดใหญ่ เช่น 14–16 ออนซ์ สามารถป้องกันการบาดเจ็บได้ดีกว่านวมขนาดเล็ก ความเชื่อนี้เป็นจริงบางส่วน แต่ในอีกด้านหนึ่งก็อาจเป็นความเข้าใจที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเมื่อนำไปเชื่อมโยงกับการป้องกันการบาดเจ็บของสมอง

จากหลักชีวกลศาสตร์ นวมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะมี padding หนามากกว่าและช่วยยืดเวลาในการปะทะ (contact time) ทำให้แรงกระแทกสูงสุดที่ผิวหนังและกระดูกใบหน้าลดลง (Atha et al., 1985; Walilko et al., 2005) นี่คือเหตุผลว่าทำไมยิมส่วนใหญ่จึงกำหนดให้นักมวยใช้นวม 14–16 ออนซ์ในการ sparring เพื่อช่วยลดความรุนแรงของบาดแผลภายนอก เช่น แผลแตกหรือกระดูกหัก อย่างไรก็ตาม ผลต่อการป้องกันสมองกลับไม่ชัดเจน

การเกิด concussion และการบาดเจ็บสมองเรื้อรัง (CTE) มักสัมพันธ์กับแรงเร่งเชิงเส้นและแรงเร่งเชิงมุมที่ศีรษะได้รับจากการถูกหมัด มากกว่าจะขึ้นอยู่กับแรงกดบนผิวหนังโดยตรง (Walilko et al., 2005) งานวิจัยเชิงทบทวนยืนยันว่า แม้นวมใหญ่จะช่วยลดแรงกดที่ผิว แต่ไม่สามารถลดแรงเร่งศีรษะลงได้อย่างมีนัยสำคัญ (Bianco et al., 2013; Loosemore et al., 2017) ซึ่งหมายความว่า นวมขนาดใหญ่ไม่สามารถป้องกัน concussion หรือ CTE ได้อย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้น การใช้นวมใหญ่ยังอาจสร้าง “ความรู้สึกปลอดภัยเกินจริง” นักกีฬาหลายคนอาจลงนวม (Sparring) หนักขึ้นหรือนานขึ้น ซึ่งเพิ่ม exposure ต่อแรงสะสมในสมอง จนผลดีจาก padding ของนวมถูกหักล้างไป

ในอีกมิติหนึ่ง ขนาดนวมและการออกแบบ padding ยังส่งผลโดยตรงต่อการปกป้องมือและข้อมือผู้ชก งานวิจัยล่าสุดโดย Punthipayanon et al. (2024) ที่ตีพิมพ์ใน Frontiers in Sports and Active Living แสดงให้เห็นว่า การใช้อุปกรณ์เสริม cushioning (เช่น silicone pads) สามารถลดแรงกระแทกและแรงที่ข้อมือได้รับลงได้อย่างมีนัยสำคัญ การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า ความปลอดภัยของนักกีฬามิได้ขึ้นกับขนาดของนวมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมถึงการใช้เทคนิคพันมือที่ถูกต้องและการเลือกอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบตามหลักชีวกลศาสตร์

ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า “นวมใหญ่ = ปลอดภัย” จึงเป็นความจริงเพียงบางส่วน นวมใหญ่ช่วยลดบาดเจ็บภายนอกได้ดี แต่ไม่สามารถป้องกันการบาดเจ็บสมองได้อย่างแท้จริง การป้องกันที่แท้จริงต้องใช้มาตรการเสริมอื่น ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดจำนวนครั้งและความรุนแรงของการลงนวม (Sparring) การฝึกทักษะการลงหมัดที่ถูกต้อง การพันมือที่มีมาตรฐาน และการตรวจสุขภาพสมองเป็นระยะ เมื่อแนวทางเหล่านี้ถูกบูรณาการเข้าด้วยกัน นักกีฬาจึงจะสามารถฝึกซ้อมและแข่งขันได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว

ตารางสรุป: ขนาดนวมเทียบผลกระทบด้านความปลอดภัย

ขนาดนวม (oz)

การใช้งานหลัก

ผลต่อแรงที่คู่ต่อสู้

ผลต่อความเสี่ยงสมอง

ผลต่อข้อมือผู้ชก

หมายเหตุ/หลักฐาน

4 oz (MMA แข่งขัน)

แข่งขัน MMA

สูง (padding บาง, Δt สั้น)

ไม่ลดความเสี่ยงสมองอย่างมีนัย

พยุงข้อมือน้อย ต้องพึ่งการพันมือ

Walilko 2005; Lenetsky 2015

8–10 oz

แข่งขันมวย

ปานกลาง–ค่อนข้างสูง

ไม่ชัดเจนในการลด TBI/CTE

พยุงพอประมาณ ขึ้นกับโครงสร้างถุงมือ

Walilko 2005; Bianco 2013

12 oz

ฝึก pad/bag

ลดลงจาก 8–10 oz (Δt ยาวขึ้น)

ยังไม่มีหลักฐานว่าลด concussion

ดีขึ้น ถุงมือรองรับมากขึ้น

Atha 1985; Lenetsky 2015

14–16 oz

สปาร์

ต่ำกว่าอย่างชัดเจน ต่อผิว/โครงหน้า

หลักฐานชี้ว่า “ไม่เพียงพอ” ต่อการลดความเสี่ยงสมอง หาก exposure สูง

รองรับข้อมือดีที่สุด (ร่วมกับการพันมือ)

Bianco 2013; Loosemore 2017

18 oz+

สปาร์นักกีฬาหนัก

ต่ำสุด ต่อบาดเจ็บภายนอก

ยังไม่ยืนยันว่าลด TBI/CTE

รองรับสูง แต่ช้าลง/ฟีลต่างจากแข่ง

แนวปฏิบัติหลายค่าย; หลักฐานคลินิกยังจำกัด

 (Walilko et al., 2005; Bianco et al., 2013; Loosemore et al., 2017)


กราฟนี้เปรียบเทียบ แรงกระแทกเฉลี่ยโดยประมาณ (N) กับ ขนาดนวม (oz) สำหรับแต่ละรุ่นน้ำหนัก โดยใช้แบบจำลองง่ายๆ:
และสมมติให้ นวมใหญ่ vนานขึ้น (padding หนาขึ้น)

สิ่งที่เห็นจากกราฟ

  • ทุกคลาส แรงเฉลี่ยลดลงชัดเจน เมื่อขนาดนวมเพิ่ม (จาก 4 16 oz) เพราะ ยาวขึ้น
  • Heavyweight ให้ค่าแรงสูงสุดในทุกขนาดนวม จำเป็นต้องใช้นวมหนากว่าเพื่อป้องกันคู่ซ้อม
  • Fly/Lightweight มีแรงต่ำกว่าชัด แต่ก็ยังลดลงได้อีกมากเมื่อเพิ่มขนาดนวม

ข้อสรุปเชิงปฏิบัติ (ย้ำอีกครั้ง)

  • สปาร์:
    • Fly/Light 12–13 oz
    • Middle/Welter 14–15 oz
    • Heavy 16–18 oz (เพื่อกด peak load ลง)
  • แข่งขัน: ปฏิบัติตามระเบียบรายการ (มวยไทย/สากลทั่วไป 8–10 oz, MMA 4 oz)

 

เอกสารอ้างอิง

  • Atha, J., Yeadon, M. R., Sandover, J., & Parsons, K. C. (1985). The damaging punch. BMJ (Clinical Research Edition), 291(6511), 1756–1757.
  • Bianco, M., Loosemore, M., Daniele, F., Palmieri, V., Faina, M., Zeppilli, P., & Corsetti, R. (2013). Amateur boxing and risk of chronic traumatic brain injury: Systematic review. BMJ Open, 3(9), e002745.
  • Lenetsky, S., Harris, N., & Brughelli, M. (2015). Assessment and contributors of punching forces in combat sports athletes: Implications for strength and conditioning. Strength & Conditioning Journal, 37(2), 1–7.
  • Loosemore, M., Knowles, C. H., & Whyte, G. P. (2017). Amateur boxing and risk of chronic traumatic brain injury: Systematic review. BMJ Open Sport & Exercise Medicine, 3(1), e000265.
  • Punthipayanon, S., Kwanboonchan, S., Rachanavy, P., & Kuo, C. H. (2024). Enhanced boxing punch impact with silicone cushioning. Frontiers in Sports and Active Living, 6, 1358224. https://doi.org/10.3389/fspor.2024.1358224
  • Walilko, T. J., Viano, D. C., & Bir, C. A. (2005). Biomechanics of the head for Olympic boxer punches to the face. British Journal of Sports Medicine, 39(10), 710–719.

 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มวยไทย: ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ได้เป็นของประเทศไทยเพียงชาติเดียว กับกระแสการไหลบ่าของวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ใครว่าพาร์กินสันออกกำลังกายไม่ได้ ลงวิ่งอัลตร้าเทรลกันเลยทีเดียว

ฝึกความแข็งแรงของขาด้วย Suspension Trainer: อุปกรณ์เดียวเสริมสร้างความแข็งแรงที่ติดตั้งง่ายและจบในเครื่องเดียว