ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การแช่น้ำเย็นสำหรับการกีฬา Cold Water Immersion

วันนก่อนเขียนเรื่องแลคเตท กับ ความเมื่อยล้าไปแล้ว มีการแนะนำวิธีการแช่น้ำเย็น (Cold Water immersion) วันนี้เลยขออ้างอิงบทความจาก my sport sci เกี่ยวกับหลักการของการแช่น้ำเย็น สามารถอธิบายได้ด้วยหลักของการฝึกเกิน กับการปรับชดเชยมากกว่าปกติ (Overload Principle and Supercompensation) ครับ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือออกกำลังกายทั่วไป หลักการนี้สามารถนำไปใช้ได้อย่างดี เอาง่ายๆก็คือ การฝึกที่หนักกว่าปกติจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามากกว่าปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะต้องมีเวลาพักผ่อนอย่างเพียงพอด้วยเช่นกัน เมื่อเราฝึกหนักๆเราก็จะเกิดความเมื่อยล้าขึ้นนะครับ ก่อนที่เราจะเลือกวิธีการแช่น้ำเย็น เราลองตั้งคำถามตัวเองดังนี้
1. ต้องมีการแข่งขันหรือไม่
2.วันแข่งขันของคุณเกิดขึ้นบ่อยมากแค่ไหน
3.กีฬาของคุณเกี่ยวข้องกับการหดตัวของกล้ามเนื่อแบบ Eccentric คือ การหดตัวของกล้ามเนื้อที่มีการยืดยาวออกของความยาวของกล้ามเนื้อ หรือมีแรงกระแทก การปะทะกันหรือไม่
4. คุณมีความเมื่อยล้าหรือการบาดเจ็บอย่างมากหรือไม่
5. คุณออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาในที่ที่มีอากาศร้อนหรือไม่
6. ช่วงเวลานั้นอยู่นอกช่วงการเตรียม หรือไม่
7. การฝึกนั้นเป็นการฝึกที่สำคัญและปริมาณการฝึกมากหรือไม่
8. การฝึกของคุณหวังผลในระยะสั้นมากกว่าระยะยาวหรือไม่
ถ้ามีข้อใดที่ตอบใช้ การแช่น้ำเย็นก็อาจเป็นผลดีสำหรับคุณ แต่ถ้ามีการตอบไม่ใช่ ก็ไม่แนะนำให้ใช้ครับ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะเป็นดาบสองคมเหมือนกันนะครับผม งานวิจัยที่แนะนำการแช่น้ำเย็นแนะนำอุณหภูมิน้ำที่ 10-15 องศาเซลเซียส ระยะเวลาการแช่น้ำเย็นประมาณ 5-15 นาทีครับ
จากคำถามที่กล่าวมาโดยสรุปก็คือ หากมีระยะเวลาสั้น มีการเตรียมตัวน้อย และเกิดความเมื่อยล้ามากๆ หวังผลในระยะสั้นๆ การแช่น้ำเย็นก็ช่วยได้นะครับ เช่น การที่นักกีฬาฟุตบอล แช่น้ำเย็นตอนพักครึ่งเพื่อลดความเมื่อยล้าในครึ่งหลังเกมส์เป็นต้นครับ แต่ถ้าเป็นการออกกำลังกายหรือช่วงในการฝึกซ้อม หัวใจนั้นจะอยู่ที่การจัดโปรแกรมของการฝึกซ้อม และการติดตามความหนักของการฝึกซ้อม การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างระยะเวลาการฝึกและเวลาพักระหว่างเซต เป็นต้นครับที่เป็นหัวใจสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา และในบางครั้งกว่าจะรู้ก็สายเกินไปเสียแล้ว จึงจะใช้การแช่น้ำเย็นในกรณีที่จำเป็นจริงๆ การจัดโปรแกรมการฝึกซ้อมซึ่งต้องทำตามหลักของวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นเรื่องสำคัญและไม่ควรละเลยนะครับ ไม่ใช่จัดตามใจฉันนะครับ บางทีในการฝึกที่หนักๆมาก อาจจะใช้การแช่น้ำเย็นประกบกันก็ได้นะครับ ตามความเหมาะสมนะครับ และรอบคอบนะครับ
สรุปก็คือ การฝึกที่มีการฝึกอย่างเหมาะสม และมีการพักผ่อนอย่างเพียงพอ น่าจะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ กว่าที่จะไปเร่งโปรแกรมการฝึกให้หนักๆแล้วไปแช่น้ำเย็นเพื่อลดความเมื่อยล้าเอานะครับ เพราะความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ หรือ Muscular Soreness นั้นมีสองปัจจัยก็คือทางด้านสรีรวิทยา คือ มีของเสียคั่งค้างอยู่ในกล้ามเนื้อ ทำให้ค่าความเป็นกรดของกล้ามเนื้อสูงขึ้น PH และไปกระตุ้น Receptor ให้ส่งข้อมูลไปยังสมองว่ากล้ามเนื้อเกิดอาการล้า ให้ลดปริมาณของการออกกำลังกายและการฝึกลงนะครับ ส่วนปัจจัยทางด้านจิตใจเดี๋ยวรอผู้เชี่ยวชาญ Pichit Muangnapoe มาตอบเรื่องเราจะลดหรือจัดการความเมื่อยล้าทางด้านจิตใจ Psychological fatigue ได้อย่างไรในการฝึกซ้อมกีฬาหรือการออกกำลังกาย??? ความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นภายหลังจากการฝึกซ้อมและการออกกังกายยังไปกระตุ้นการเกิดการอักเสบ Inflammation การเกิดการอักเสบนี่ผมย้ำทุกครั้งว่าเป็นกระบวนการที่มีคุณด้วยนะครับ เมื่อเกิดการอักเสบจะทำให้เกิดการสร้างใหม่ของกล้ามเนื้อ (Muscle Turnover) ครับ การอักเสบปกติแล้วเราก็จะดูปริมาณของ Interlukin-6, (IL-6) หรือบางทีก็จะดูการสะสมของเม็ดเลือดขาว Leukocyte ที่บริเวณการเกิดการอักเสบ บางสำนักก็อาจจะดู C-Reactive Protein CRP เป็นต้น แต่ถ้าจะดูให้ชัดต้องดูในกล้ามเนื้อนะครับแต่วิธีการจะยุ่งยากมากต้องตัดก้ามเนื้อมาตรวจหรือที่เรียกว่า Biopsy แต่ถ้าดูในเลือดสมมติว่าเราจะดูค่า Serum CK อาจจะต้องรอถึง 3-96 ชั่วโมง กว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ Serum CK ดังนั้นถ้าดูจากระบบเลือดอาจจะเห็นได้ไม่ชัดเท่าไรนัก เพราะการอักเสบของกล้ามเนื้อจะเกิดขึ่นในกล้ามเนื้อก่อนนะครับภายหลังจากนั้นประมาณ 3-72 ชม การอักเสบเป็นตัวกระตุ้นการเกิดการทำลายเซลล์กล้ามเนื้อที่เสื่อมสภาพและสร้างเซลล์ใหม่ของเส้นใยกล้ามเนื้อบางทีก็เรียก Macrophage M1 M2/ Autophagy and Muscle Regeneration เช่น การขยายขนาดของกล้ามเนื้อ (Hypertrophy) หรือ การขยายจำวนวนของเซลล์กล้ามเนื้อ (Hyperplasia) นะครับ แต่จากการศึกษาบางชิ้นพบว่า การแช่น้ำเย็นนอกจากเป็นการลดความเมื่อยล้าแล้วยังเป็นการลดการอักเสบด้วยนะครับ เมื่อการอักเสบลดลง ก็ส่งผลต่อการปรับตัวต่อการฝึกซ้อมนะครับ เช่น อัตราการเกิดการพัฒนาของกล้ามเนื้อจะลดลงถ้าเทียบกับกลุ่มที่ไม่แช่น้ำเย็น เพราะการอักเสบยังคงเกิดได้ตามปกติ
คำที่บอกว่า No pain No gain แต่คำนี้ดูเหมือนจะหนักเกินไปนะครับ สำหรับการฝึกกีฬาหรือการออกกำลังกาย หัวใจสำคัญคือการวางแผนการฝึกซ้อมให้เหมาะสมครับ ร่วมกับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการให้อาหารเสริมเพื่อทำให้ฟื้นสภาพได้ดีรวดเร็วขึ้น ในขณะที่กระบวนการอักเสบก็ยังเกิดเหมือนเดิมครับ นั่นคือ ศาสตร์และศิลป์ของการวางแผนการฝึกซ้อมด้วยหลักวิทยาศาสตร์การกีฬานะครับ บทความต่อไปจะเขียนเรื่องการบริหารการอักเสบ ดีป่ะคับ นี่ยังไม่ได้พูดถึง ROS (Reactive Oxygen Species) กับ พวก Free Radical นะครับเดี๋ยวจะมึนกันซะก่อน อิอิ ส่วนเรื่องสารอาหารในการฟื้นสภาพเดี๋ยวรอให้ จงลี่ แสนคำ มาตอบนะครับ อิอิ
แปลและเรียบเรียงจาก
http://www.mysportscience.com/…
เอกสารอ่านประกอบ
Yamane M, Teruya H, Nakano M, Ogai R, Ohnishi N, Kosaka M. Post-exercise leg and forearm flexor muscle cooling in humans attenuates endurance and resistance training effects on muscle performance and on circulatory adaptation. Eur J Appl Physiol 2006;96(5):572-80
Roberts LA, Raastad T, Markworth JF, et al. Post-exercise cold water immersion attenuates acute anabolic signalling and long-term adaptations in muscle to strength training. J Physiol 2015;593(18):4285-301 doi: 10.1113/JP270570[published Online First: Epub Date]|.
Halson SL, Bartram J, West N, et al. Does Hydrotherapy Help or Hinder Adaptation to Training in Competitive Cyclists? Med Sci Sports Exerc 2014 doi: 10.1249/MSS.0000000000000268[published Online First: Epub Date]|.
Ihsan M, Watson G, Choo HC, et al. Postexercise muscle cooling enhances gene expression of PGC-1alpha. Med Sci Sports Exerc 2014;46(10):1900-7 doi: 10.1249/MSS.0000000000000308[published Online First: Epub Date]|.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ใครว่าพาร์กินสันออกกำลังกายไม่ได้ ลงวิ่งอัลตร้าเทรลกันเลยทีเดียว

พาร์กินสันก็ลงอัลตร้า ได้นะ Parkinson and Exercise... วันนี้ขออนุญาตแชร์เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ให้ฟังนะครับ เพื่อนผมชาวแคนนาดา เป็นครูสอนว่ายน้ำ อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงครับ เขาถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาทราบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนส่วนใหญ่ที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งหรอกครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขานั่นก็คือการออกกำลังกาย นั่นเอง หลังจากที่เริ่มฝึกออกกำลังกายอย่างจริงจังเมื่อประมาณ สิบเดือนที่แล้ว คริส  ก็เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังและซ้อมวิ่ง ภายใ้ต้การดูแลโดยสตีฟ เน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (อากาศนิยม) และ ฝึกความแข็งแรง รวมทั้งการเคลื่อนไหวของข้อต่อ Joint Mobility เราเลือกการฝึกแบบแอโรบิค โดยการคุม โซนอัตราการเต้นของหัวใจครับ และทดสอบระดับแลคเตททุกๆเดือน การกำหนดโปรแกรมเนื่องจากข้อจำกัดของคริส คือ ไม่สามารถจะทำการทดสอบ VO2max แบบทางอ้อม สตีฟ ได้เลือกวิธีการทดสอบด้วย Non-Exercise Test แลนำมาหาความสัมพันธ์กับการเจาะแลคเตท ด้วยวิธีการ Cooper's test ครับ วันนี้คริส สามารถจบรายการ Cordillera Conservation T

Full Squat VS Half Squat มุมมองในเชิงชีวกลศาสตร์

ศิริเชษฐ์  พูลทิพายานนท์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา มศว เป็นที่ถกเถียงกันในวงการเทรนเนอร์ในเรื่องของ Half Squat VS Full Squat นะครับ วันนี้เลยอยากจะเสนอมุมมองใหม่ในทางชีวกลศาสตร์กันดูบ้างสำหรับเรื่องของการสควอท ท่ายอดฮิตนะครับ สำหรับเทรนเนอร์ทั้งหลาย  โดยวันนี้ผมจะขอเขียนเป็นสามด้านนะครับ เปรียบเทียบกันทั้งสองท่าน ระหว่าง Half Squat และ Full Squat แต่ต้องขอออกตัวก่อนนะครับ นี่เป็นเพียงแค่การทำตัวอย่างนะครับ ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด สำหรับว่าท่าไหนจะดีกว่ากันนะครับ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิจัยกันอีกต่อไป แต่ที่แน่นอนนั่นก็คือ จุดมุ่งหมายแตกต่างกันแน่นอน ครับ แต่การนำไปใช้ก็ต้องมีข้อควรระวังด้วยนะครับ  *****ไม่งั้นจะหาว่าเจ้าของบล็อกไม่เตือน**** ผมทดลอง Squat อาสาสมัครเป็นผู้หญิง น้ำหนักประมาณ 65 กิโลกรัม ส่วนสูง 170.5 เซนติเมตร ผมลองทำโมชั่นแคปเจอร์ ของอาสาสมัคร โดยทำท่าสควอท สองแบบ นะครับ แบบแรกก็คือ การทำ Half Squat และ อีกแบบนึงก็คือการทำ Full Squat ครับ โดยผมเก็บการเคลื่อนไหว ด้วย IMU Sensors ซึ่งเป็นเซนเซอร์วัดความเร่งและการเคลื่อนไหวติดตาม ส่วนต่างๆของร่างกาย จากนั

EMMAA ระงับกิจกรรมทั้งหมดกับ IMMAF

  วันที่ 4 พฤษภาคม 2023 - สมาคมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานแห่งอังกฤษ (EMMAA) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะระงับการมีส่วนร่วมของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ตัดสินจากการแข่งขันและกิจกรรมทั้งหมดของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานนานาชาติ (IMMAF) จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เหตุผลของการตัดสินใจ การตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากจดหมายที่ EMMAA ส่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2023 ซึ่งได้รายงานถึงปัญหาด้านการปกป้องเด็กและการล้มเหลวของ IMMAF ที่ไม่ดำเนินการแก้ไขในเวลาที่ควร การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากมุมมองทางศีลธรรมและความซื่อสัตย์ หลังจากการปรึกษาหารือกับที่ปรึกษากฎหมายมืออาชีพ ประวัติความเป็นมาของ IMMAF แม้ว่า IMMAF จะเคยให้โอกาสและความทรงจำที่ดีแก่นักกีฬาของ EMMAA มาโดยตลอด แต่ปัจจุบันมาตรฐานของ IMMAF ได้เสื่อมโทรมลงอย่างมาก ทำให้ EMMAA ต้องตัดสินใจระงับการมีส่วนร่วมของตน ความขอบคุณต่อทีมงาน EMMAA ขอบคุณทีมงานอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการจัดการแข่งขันของ IMMAF อย่างไรก็ตาม EMMAA เห็นว่า ประธานกรรมการ ผู้บริหาร และคณะกรรมการของ IMMAF ได้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่