ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การฝึกโดยใช้ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) และโซนการฝึกซ้อมจักรยาน


🚴 ถ้าคุณเป็นนักปั่นที่ค่อนข้างจะจริงจัง และซีเรียสเรื่องความเร็วในการปั่นจักรยาน วันนี้เรามีเครื่องมือสองชิ้น มาแนะนำ ซึ่งคุณไม่สามารถที่จะปราศจากสองสิ่งนี้ได้ นั่นก็คือ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และการวัดพลังในการปั่นจักรยาน นั่นเอง
🚴 การวัดอัตราการเต้นของหัวใจนั้นเป็นการวัดองค์ประกอบทางสรีรวิทยาที่สำคัญ ว่า ร่างกายมีการตอบสนองอย่างไร ในการฝึกซ้อมหรือแข่งขัน รวมทั้งการที่ร่างกายมีความสามารถในการฟื้นสภาพดีเพียงใด ตอบสนองต่อโปรแกรมการฝึกซ้อมได้ดีเพียงใด ในขณะที่ ตัววัดพลังในการปั่นจักรยาน Power Meter นั้นเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ที่จะทำให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับ พลังในการปั่นจักรยาน ความสามารถในการรักษาพลังในการขี่จักรยาน Functional Threshold Power (FTP) และสามารถสร้างโซนการฝึกซ้อมที่จะช่วยปรับสมรรถภาพของคุณอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มความสามารถในการปั่นจักรยานของคุณ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปไขว่คว้าหามา ถ้ามันกระเทือนต่อวิถีชีวิตคุณ

🚴 เรามารดูความสัมพันธ์ระหว่างจุดเริ่มล้า กับ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP)
🚴 ขณะที่คุณมีการฝึกซ้อมที่ความหนักมากๆ กรดแลคติกก็จะถูกสร้างจากกล้ามเนื้อ หากร่างกายของเรามีการผลิตกรดแลคติกมากกว่าปริมาณที่ร่างกายสามารถขจัดออกได้ ระดับของกรดแลคติกในร่างกายก็จะเพิ่มขึ้น ไปแตะระดับจุดเริ่มล้า (จุดที่เริ่มมีการสะสมของกรดแลคติก) ซึ่งกรดแลคติกนี้ก็จะไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ในการรักษาระดับของงานที่ที่ได้ เช่น ในขณะที่คุณปั่นจักรยานที่ระดับความหนักสูงๆ กล้ามเนื้อก็จะเกิดอาการล้า และไม่สามารถรักษาระดับความเร็ว พลังขา รอบขาได้ แรง ค่าต่างๆเหล่านี้ก็จะลดต่ำลง ดังนั้นวิธีการที่นิยมสำหรับการยกระดับจุดเริ่มล้าขึ้น เพื่อให้สามารถรักษาระดับของความหนักที่ระดับสูงๆ ได้นั้น คุณจะต้องสร้างโปรแกรมการฝึกซ้อมที่จะพัฒนาระดับของจุดเริ่มล้านั่นเอง โดยใช้ การฝึกซ้อมแบบโซน

🚴 การจะหาระดับจุดเริมล้า หรือ จุดที่เริ่มมีการสะสมของกรดแลคติกนั้น วิธีที่ใช้กันเป็นมาตรฐานและเป็นการทดสอบที่แพงนั่นก็คือ การทดสอบปริมาณกรดแลคติกในเลือดนั่นเอง แต่ ทาง Training Peak ได้พัฒนาวิธีการทดสอบที่มีลักษณะคล้ายๆกันในการคำนวณหา จุดเริ่มล้า นั่นก็คือการหาจุดที่เรียกว่า ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) โดยค่านี้ก็คือ ค่าของพลังสูงสุดที่คุณสามารถรักษาได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยปกติแล้วนั่นก็คือ 1 ชั่วโมง หรืออาจจะเทียบกับความสามารถในการปั่นจักรยานแบบ Time Trial นั่นเอง เมื่อนักกีฬาปั่นจักรยานที่ระดับต่ำกว่า FTP นั้น นักกีฬาก็จะใช้ออกซิเจนและ ปริมาณกรดแลคติกที่เกิดขึ้นกับการนำออกและนำกรดแลคติกไปใช้ก็ยังทำได้ดี จึงไม่มีการสะสมของกรดแลคติก นั่นเอง และสามารถรักษาพลัง ในการปั่นจักรยานได้
🚴 การคำนวณหา ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP)
ในการคำนวณหา ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) นั้น คุณจะต้องใช้การทดสอบแบบภาคสนาม โดยการใช้ ตัววัดพลังในการปั่นจักรยาน (Cycling Power Meter) ถ้าคุณไม่มีสิ่งนี้ และต้องการจะคำนวณโซนการฝึกซ้อมด้วยการใช้โซนอัตราการเต้นของหัวใจได้เช่นกัน
🚴 เรามาดูวิธีการหาค่า ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP)
1.ทำการอบอุ่นร่างกายเป็นระยะเวลา 10 นาที
2.เมื่อเสร็จสิ้นการอบอุ่นร่างกาย แล้ว ให้ขี่ที่ความหนักสูงสุดเป็นระยะเวลา 20 นาที
3.จากนั้นนำข้อมูลของ Power Meter ที่ได้ ในระยะเวลา 20 นาที นั้นมาหาค่าพลังเฉลี่ย
4.คูณค่าเฉลี่ยของพลังด้วย 0.95 เพื่อหาค่า ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP)
🚴 ตัวอย่างเช่น ถ้าค่าพลังเฉลี่ยของการขี่จักรยานของคุณที่ 20 นาที นั้นได้ 280 วัตต์ ดังนั้นค่า ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Treashold Power (FTP) ของคุณจะมีค่าเท่ากับ 266 วัตต์ นั่นก็คือค่าที่คุณจะสามารถรักษาความสามารถในการขี่จักรยานได้เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง นั่นเป็นแนวคิดที่ดี และคุณสามารถทำซ้ำ ได้ในหลายๆช่วงของการฝึกซ้อม เพื่อทดสอบระดับความฟิตของคุณ
🚴 เราจะใช้หาโซนการฝึกซ้อมได้อย่างไร
🚴 ในขณะที่โซนของการฝึกซ้อมของนักกีฬาจักรยาน หรือ คนที่ปั่นจักรยานนั้น นิยมใช้การคำนวณเป็นร้อยละ ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด แต่ก็มีนักกีฬาจักรยานที่จริงจังต่อการฝึกซ้อมนั้น จะใช้ความหนักเป็นร้อยละ ของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) เพราะอะไรหน่ะหรือ ก็เพราะว่า การใช้อัตราการเต้นของหัวใจนั้นจะมีตัวแปรที่ส่งผลทางตรงและทางอ้อมในการปั่นจักรยานนั่นเอง เช่น ลม รอบขา ความชัน แม้กระทั่งภูมิประเทศ ซึ่งจะทำให้ส่งผลต่อจุดเริ่มล้าของพวกเขา
เมื่อคุณคำนวณค่า ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) คุณสามารถใช้โซนนี้ในการวิเคราะห์โซนการฝึกซ้อมบน Training Peak ได้

Training Zone 1 🚴
เรียกกันว่าโซนที่พัฒนาในการฟื้นสภาพ Recovery ซึ่งโซนนี้ความหนักจะอยู่ประมาณ ร้อยละ 55 ของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) การฝึกซ้อมนี้จะช่วยในการฟื้นสภาพภายหลังจากการแข่งขัน หรือ การซ้อมหนักๆ ที่ผ่านมา
Training Zone 2🚴
ความหนักระหว่าง 56-75 เปอร์เซ็นต์ของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) ขึ้นอยู่กับความฟิตของแต่ละบุคคล เป็นการฝึกระบบพลังงานแบบแอโรบิก ซึ่งบางทีอาจจะขี่ในโซนนี้มากกว่า 2 ชั่วโมง ในการฝึกซ้อม
Training Zone 3 🚴
เรียกว่า Tempo ความหนักระหว่าง 76-90 เปอร์เซ็นต์ของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) ส่วนใหญ่การฝึกนี้จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที – 2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับความฟิตของแต่ละบุคคล
Training Zone 4 🚴
เป็นโซนที่เน้นการพัฒนาระดับของจุดเริ่มล้า ความหนักจะคล้ายๆกับตอนที่หาค่า ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) ความหนักประมาณ 91-105 เปอร์เซ็นต์
Training Zone 5 🚴
ความหนักระหว่าง 106-120 เปอร์เซ็นต์ของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) ส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการฝึกเพียง 3-8 นาที เป็นโซนที่ใช้สำหรับพัฒนาความสามารถในการใช้ออกซิเจนสูงสุดของร่างกาย VO2max
Training Zone 6 🚴
เป็นการพัฒนาความสามารถแบบไม่ใช้ออกซิเจนของร่างกาย Anaerobic ซึ่งความหนักจะอยู่ที่ 120 เปอร์เซ็นต์ของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Treashold Power (FTP) ระยะเวลาประมาณ 30 วินาที
Training zone 7 🚴
ระยะเวลาในการฝึกซ้อมไม่ควรเกิน 10 วินาที เป็นความสามารถสูงสุดของร่างกายที่ทำได้ และไม่ต้องใช้ค่า FTP เพราะความหนักสูงกว่า 120 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
🚴 การฝึกแบบหนักสลับเบา หรือการฝึกเป็นช่วงๆ( Intervals)
เป็นการฝึกเพื่อพัฒนาความสามารถในการกำจัดกรดแลคติก ซึ่งจะใช้การฝึกอยู่ที่โซน 4 ของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Treashold Power (FTP) นี่คือตัวอย่างในการฝึกที่จะช่วยยกระดับจุดเริ่มล้าของคุณ ให้สูงขึ้น
🚴 โปรแกรม 1 : การฝึกที่สภาวะคงที่ Steady State
1.อบอุ่นร่างกายเป็นระยะเวลา 10 นาที
2.ทำการปั่นที่ระยะเวลา 10 นาที โดยให้ค่าพลังเฉลี่ยอยู่ที่ 91-105 เปอร์เซ็นต์ขอ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP)
3.เปลี่ยนความหนัก เป็นโซนที่ปั่นสบายๆ รอบขาประมาณ 90 รอบต่อนาที เป็นระยะเวลา 10 นาที
4.ถ้าความหนักนี้เป็นความหนักที่ง่ายสำหรับคุณ ให้เพิ่มระยะเวลาของช่วงการฝึก ขึ้น จนความสามารถฝึกที่ระดับของ ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) ได้เป็นเวลา 30-40 นาที
5.คลายอุ่นร่างกายประมาณ 10-15 นาที
🚴 โปรแกรมที่สอง : FTP+ VO2 max
1.อบอุ่นร่างกายประมาณ 10-15 นาที
2.ปั่นจักรยานเป็นระยะเวลา 20 นาที โดยแบ่งเป็นช่วงๆ ที่ โซน 4 ของ FTP ประมาณ 5 นาที และ โซน 5 เป็นระยะเวลา 2 นาที อัตราส่วน 5:2
3.พยายามฝึกได้ได้อย่างน้อย 2 เซต
4.คลายอุ่นร่างกายเป็นระยะเวลา 10-15 นาที
________________________________________
สิ่งสำคัญคือ กรุณาตรวจร่างกายของคุณก่อนเริ่มการฝึกโดยใช้ FTP นะครับ การฝึกมีหลายแบบครับ บางคนต้องตาม TP แต่จริงๆแล้วถ้าคุณรู้หลักการฝึกซ้อม เก็บเงินที่ต้องเสียให้ TP มาดูแลร่างกายเราดีกว่าครับ
อุ๊ย! เกินสามบรรทัด
บทความโดย MARC LINDSAY
แปลและเรียบเรียงโดย Schet Punthipayanon

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ใครว่าพาร์กินสันออกกำลังกายไม่ได้ ลงวิ่งอัลตร้าเทรลกันเลยทีเดียว

พาร์กินสันก็ลงอัลตร้า ได้นะ Parkinson and Exercise... วันนี้ขออนุญาตแชร์เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ให้ฟังนะครับ เพื่อนผมชาวแคนนาดา เป็นครูสอนว่ายน้ำ อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงครับ เขาถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาทราบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนส่วนใหญ่ที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งหรอกครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขานั่นก็คือการออกกำลังกาย นั่นเอง หลังจากที่เริ่มฝึกออกกำลังกายอย่างจริงจังเมื่อประมาณ สิบเดือนที่แล้ว คริส  ก็เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังและซ้อมวิ่ง ภายใ้ต้การดูแลโดยสตีฟ เน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (อากาศนิยม) และ ฝึกความแข็งแรง รวมทั้งการเคลื่อนไหวของข้อต่อ Joint Mobility เราเลือกการฝึกแบบแอโรบิค โดยการคุม โซนอัตราการเต้นของหัวใจครับ และทดสอบระดับแลคเตททุกๆเดือน การกำหนดโปรแกรมเนื่องจากข้อจำกัดของคริส คือ ไม่สามารถจะทำการทดสอบ VO2max แบบทางอ้อม สตีฟ ได้เลือกวิธีการทดสอบด้วย Non-Exercise Test แลนำมาหาความสัมพันธ์กับการเจาะแลคเตท ด้วยวิธีการ Cooper's test ครับ วันนี้คริส สามารถจบรายการ Cordillera Conservation T

Full Squat VS Half Squat มุมมองในเชิงชีวกลศาสตร์

ศิริเชษฐ์  พูลทิพายานนท์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา มศว เป็นที่ถกเถียงกันในวงการเทรนเนอร์ในเรื่องของ Half Squat VS Full Squat นะครับ วันนี้เลยอยากจะเสนอมุมมองใหม่ในทางชีวกลศาสตร์กันดูบ้างสำหรับเรื่องของการสควอท ท่ายอดฮิตนะครับ สำหรับเทรนเนอร์ทั้งหลาย  โดยวันนี้ผมจะขอเขียนเป็นสามด้านนะครับ เปรียบเทียบกันทั้งสองท่าน ระหว่าง Half Squat และ Full Squat แต่ต้องขอออกตัวก่อนนะครับ นี่เป็นเพียงแค่การทำตัวอย่างนะครับ ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด สำหรับว่าท่าไหนจะดีกว่ากันนะครับ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิจัยกันอีกต่อไป แต่ที่แน่นอนนั่นก็คือ จุดมุ่งหมายแตกต่างกันแน่นอน ครับ แต่การนำไปใช้ก็ต้องมีข้อควรระวังด้วยนะครับ  *****ไม่งั้นจะหาว่าเจ้าของบล็อกไม่เตือน**** ผมทดลอง Squat อาสาสมัครเป็นผู้หญิง น้ำหนักประมาณ 65 กิโลกรัม ส่วนสูง 170.5 เซนติเมตร ผมลองทำโมชั่นแคปเจอร์ ของอาสาสมัคร โดยทำท่าสควอท สองแบบ นะครับ แบบแรกก็คือ การทำ Half Squat และ อีกแบบนึงก็คือการทำ Full Squat ครับ โดยผมเก็บการเคลื่อนไหว ด้วย IMU Sensors ซึ่งเป็นเซนเซอร์วัดความเร่งและการเคลื่อนไหวติดตาม ส่วนต่างๆของร่างกาย จากนั

EMMAA ระงับกิจกรรมทั้งหมดกับ IMMAF

  วันที่ 4 พฤษภาคม 2023 - สมาคมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานแห่งอังกฤษ (EMMAA) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะระงับการมีส่วนร่วมของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ตัดสินจากการแข่งขันและกิจกรรมทั้งหมดของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานนานาชาติ (IMMAF) จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เหตุผลของการตัดสินใจ การตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากจดหมายที่ EMMAA ส่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2023 ซึ่งได้รายงานถึงปัญหาด้านการปกป้องเด็กและการล้มเหลวของ IMMAF ที่ไม่ดำเนินการแก้ไขในเวลาที่ควร การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากมุมมองทางศีลธรรมและความซื่อสัตย์ หลังจากการปรึกษาหารือกับที่ปรึกษากฎหมายมืออาชีพ ประวัติความเป็นมาของ IMMAF แม้ว่า IMMAF จะเคยให้โอกาสและความทรงจำที่ดีแก่นักกีฬาของ EMMAA มาโดยตลอด แต่ปัจจุบันมาตรฐานของ IMMAF ได้เสื่อมโทรมลงอย่างมาก ทำให้ EMMAA ต้องตัดสินใจระงับการมีส่วนร่วมของตน ความขอบคุณต่อทีมงาน EMMAA ขอบคุณทีมงานอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการจัดการแข่งขันของ IMMAF อย่างไรก็ตาม EMMAA เห็นว่า ประธานกรรมการ ผู้บริหาร และคณะกรรมการของ IMMAF ได้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่