ได้มีโอกาสไปนั่งฟังการบรรยายทางวิชาการในการประชุมวิชาการ พลศึกษา สุขศึกษา สันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งบรรยายไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมานี้เอง โดยมีวิทยากรมาจาก สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และ สิงคโปร์ นั่งฟังไปฟังมาก็จับประเด็นมาได้บางประเด็น มาทำให้เป็นเรื่องเป็นราว คือ
พลศึกษา เป็นวิชาที่เป็นอันดับแรกของการถูกตัดออกในโรงเรียนระดับ ประถม มัธยม และโรงเรียนประถมและมัธยม มีวิชาที่สอนเกี่ยวกับการพลศึกษาน้อยมาก เมื่อมองกลับมาดูในประเทศไทย ระบบการผลิตครูพลศึกษา มีมากมายจากหลายสถาบัน เช่น คณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ และ จาก วิทยาลัยพลศึกษา ซึ่งถ้ามาดูปริมาณของบัณฑิตที่จบใหม่ นั้น มีจำนวนสูงมากในแต่ละปี ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นจำนวนที่พอเพียงต่อความต้องการของตลาด แต่จริงๆ ล้นตลาด ครับ ทุกๆปีจะมีบัณฑิตทางด้านพลศึกษา และวิทยาศาสตร์การกีฬา จบใหม่ในทุกปี หลายคนก็มีการมีงานที่ดีที่ทำ แต่หลายคนก็ต้องเดินเตะฝุ่น
ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทยหรือไม่ เป็น แต่หลายคนอาจจะไม่เห็นว่าปัญหามันใหญ่หลวงเพียงใด ปัจจุบันนี้ มีสถาบันที่สอนเกี่ยวกับพลศึกษา ต่างก็เร่งผลิตบัณฑิต เปิดหลักสูตรใหม่ๆ มาเป็นจำนวนมากมาย และยังมี สถาบันการพลศึกษา อีก สำหรับผมแล้ว ผมเป็นห่วงในเมื่อ ปริมาณแปรผกผันกับคุณภาพ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะคิดว่าคุณภาพของคนนั้น อยู่ในระดับใด เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้น ผู้บริหารมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษา ควรจะต้องทบทวนบทบาทของตัวเอง หรือควรจะมีการทำการวิจัยหรือไม่ว่า สถานะ ทางด้านพลศึกษา สุขศึกษา สันทนาการ ของประเทศไทยนั้น อยู่ในระดับใด ที่ยืนของบัณฑิตมีที่ยีนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งการคุ้มครองวิชาชีพของตัวเองมีแค่ไหน หน่วยงานในการเป็นปากเสียงปละควบคุมมาตรฐานมีหรือไม่ ต้องกลับไปคิดตรงนี้ให้หนัก มาก มากกว่าที่จะไปแข่งขันกันเพื่อเป็นจ้าวตลาดหลักสูตร
พลศึกษา เป็นวิชาที่เป็นอันดับแรกของการถูกตัดออกในโรงเรียนระดับ ประถม มัธยม และโรงเรียนประถมและมัธยม มีวิชาที่สอนเกี่ยวกับการพลศึกษาน้อยมาก เมื่อมองกลับมาดูในประเทศไทย ระบบการผลิตครูพลศึกษา มีมากมายจากหลายสถาบัน เช่น คณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ และ จาก วิทยาลัยพลศึกษา ซึ่งถ้ามาดูปริมาณของบัณฑิตที่จบใหม่ นั้น มีจำนวนสูงมากในแต่ละปี ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นจำนวนที่พอเพียงต่อความต้องการของตลาด แต่จริงๆ ล้นตลาด ครับ ทุกๆปีจะมีบัณฑิตทางด้านพลศึกษา และวิทยาศาสตร์การกีฬา จบใหม่ในทุกปี หลายคนก็มีการมีงานที่ดีที่ทำ แต่หลายคนก็ต้องเดินเตะฝุ่น
ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทยหรือไม่ เป็น แต่หลายคนอาจจะไม่เห็นว่าปัญหามันใหญ่หลวงเพียงใด ปัจจุบันนี้ มีสถาบันที่สอนเกี่ยวกับพลศึกษา ต่างก็เร่งผลิตบัณฑิต เปิดหลักสูตรใหม่ๆ มาเป็นจำนวนมากมาย และยังมี สถาบันการพลศึกษา อีก สำหรับผมแล้ว ผมเป็นห่วงในเมื่อ ปริมาณแปรผกผันกับคุณภาพ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะคิดว่าคุณภาพของคนนั้น อยู่ในระดับใด เมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้น ผู้บริหารมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษา ควรจะต้องทบทวนบทบาทของตัวเอง หรือควรจะมีการทำการวิจัยหรือไม่ว่า สถานะ ทางด้านพลศึกษา สุขศึกษา สันทนาการ ของประเทศไทยนั้น อยู่ในระดับใด ที่ยืนของบัณฑิตมีที่ยีนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งการคุ้มครองวิชาชีพของตัวเองมีแค่ไหน หน่วยงานในการเป็นปากเสียงปละควบคุมมาตรฐานมีหรือไม่ ต้องกลับไปคิดตรงนี้ให้หนัก มาก มากกว่าที่จะไปแข่งขันกันเพื่อเป็นจ้าวตลาดหลักสูตร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น