ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เมื่อวิศวกรรมย้อนรอย ถูกนำมาใช้กับกีฬา

เมื่อเช้านั่งเขียนงานวิจัยแล้วก็ไปสะดุดตากับเปเปอร์นึงที่เกี่ยวข้องกับกีฬาแบดมินตัน ที่ใช้การวิเคราะห์การเคลื่อนไวทางชีวกลศาสตร์ในการดูการทำงานของกล้ามเนื้อ ในขณะโดดตบ ของนักกีฬาแบดมินตัน เลยนั่งคิดเกี่ยวกับวิศวกรรมย้อนทาง ย้อนรอย ซึ่งผมคิดว่าน่าจะนำมาใช้ประโยชน์สำหรับการพัฒนานักกีฬาแบบทางลัด และ ก้าวกระโดดได้ สำหรับนักกีฬาไทย 


ในทางวิศวะ เรามีเทคนิคที่เรียกว่า วิศวกรรมย้อนรอย Reversed Engineer ซึ่งเมื่อไปค้นหาในวิกิพีเดีย ได้ให้ความหมายว่า วิศวกรรมย้อนกลับ (Reverse Engineering) คือ กระบวนการค้นหาโครงสร้าง ฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์หรือระบบหนึ่ง ๆ มักเกี่ยวข้องกับการแยกชิ้นส่วนของอุปกรณ์ออกจากกัน (ได้แก่ เครื่องกล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์) แล้ววิเคราะห์การทำงานในแต่ละส่วน จากนั้นจึงนำมาสร้างอุปกรณ์ใหม่หรือโปรแกรมใหม่ ที่ทำงานได้เหมือนเดิม โดยปราศจากการคัดลอกจากต้นแบบ

วิศวกรรมผันกลับ เป็นวิทยาศาสตร์โดยพื้นฐาน ที่ใช้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ (ในทางกลับกัน วิศวกรรม อาจถูกมองว่าเป็น 'วิทยาศาสตร์ย้อนกลับ' ก็ได้) วิชาชีววิทยาถือได้ว่าเป็น วิศวกรรมย้อนกลับของ'เครื่องจักรชีวะ' วิชาฟิสิกส์เป็นวิศวกรรมย้อนกลับของโลกทางกายภาพ
แล้วในกีฬาเราจะใช้วิธีการของวิศวกรรมผันกลับได้อย่างไร แนวคิดวิทยาศาสตร์การกีฬาย้อนทาง ถูกนำมาใช้เมื่อไม่นานมานี้ ในหลายชนิดกีฬา ด้วยสาเหตุทีว่า บางประเทศนั้นมีนักกีฬาที่มีศักยภาพสูง และยากที่จะหาทางที่จะฝึกนักกีฬาไปให้ถึงสมมรถนะที่ต้องการได้ และตอนสุดท้ายผมจะพูดถึงสิ่งที่จะเป็นผลต่อกีฬาในอนาคต หากเรายังไม่ปรับตัวนะครับ

ปกติแล้ว ในวิทยาศาสตร์การกีฬา เราจะเอานักกีฬาเป็นตัวตั้ง แล้วเป้าหมาย หรือผลลัพธ์ ความสำเร็จเป็นตัวแปรตาม ซึ่งระบบนี้จะให้ความสำคัญกับวิธีการ Process เป็นอย่างมาก เพื่อให้ไปสู่ความสำเร็จ และระบบวิธีแบบนี้คือ เราจะเริ่มต้นจากนักกีฬาคนนึง จากนั้น เราก็จะต้องทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักกีฬาคนนั้น เมื่อได้ผลการทดสอบแล้วเราก็จะมากำหนดเป้าหมายสำหรับนักกีฬาคนนั้น วางแผนการฝึกซ้อม Periodization และฝึกตาม Periodization ที่วางไว้ จะวางแผนเป็น Traditional หรือจะใช้บล็อค Block Periodization ก็สุดแท้แต่ค่ายว่าสังกัดค่ายไหน จากนั้นก็ฝึกไป และมีการทดสอบสมรรถภาพ ไปเรื่อยๆ แล้วจึงไปวางแผนตอนช่วงการแข่งขันอีกครั้งนึง เพราะปัจจุบันมีการค้นพบว่าโหลดของนักกีฬานั้นมีผลมาจากโหลดภายในตัวของนักกีฬา เอง และโหลดภายนอกก็คือโปรแกรมการฝึกซ้อม ที่มีการออกแบบโปรแกรมเป็นเชิงคิด หรือคาดว่า ไม่ได้เป็นการออกแบบโปรแกรมบนพื้นฐานของความเหมาะสม Optimization และเราจะเน้นการฝึกแบบเชิงเดี่ยว หรือ เชิงซ้อน แล้วอะไรคือข้อมูลสำหรับการออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อมหละ ข้อมูลสมรรถภาพ ? ข้อมูลจากการทดสอบ ?---> วิธีการนี้เริ่มล้าสมัยแล้ว

แนวคิดของวิทยาศาสตร์การกีฬาย้อนรอย (ผันกลับ) เราจะเริ่มต้นที่ผลลัพธ์ หรือความสำเร็จของนักกีฬาในระดับโลก หรือเป้าหมายที่นักกีฬาของเราจะไปให้ถึงตรงนั้น แล้วย้อนกลับ มาแยกเป็น Performance Outcome ผลลัพธ์ของสมรรถนะของนักกีฬาคนนั้นในแต่ละด้านที่เราจะใช้ โดยการใช้ข้อมูลจากการทำการวิเคราะห์สมรรถนะทางการกีฬา Performance Analysis และชีวกลศาสตร์ จะช่วยให้เราทราบว่า เป้าหมายที่เราจะไปให้ถึงนั้น จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง จากนั้น เราจะเริ่มต้นที่ การวิ่งเคราะห์ช่องว่าง ระหว่างนักกีฬาของเรา กับนักกีฬาที่เป็น Benchmark ของเราว่า สมรรถนะทางด้านต่างของเรายังห่างชั้น ในด้านใด และอะไร จะเป็นกุญแจสำคัญที่นักกีฬาของเราจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเหนือคู่ต่อสู้ และยังรวมถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆ ของนักกีฬาของเรา ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จ เมื่อเรามีการทำการบ้านต่างๆเรียบร้อยแล้ว เราจะได้ โซลูชั่น และ แนวคิดที่เราจะเลือกใช้ ก่อนที่จะย้อนกลับไปสู่ โปรแกรมการฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬาที่มีลักษณะเฉพาะบุคคล Tailor's made periodization นั่นเอง ดังนั้นแนวคิดของวิทยาศาสตร์การกีฬาย้อนกลับเราจะให้ความสำคัญกับ ผลลัพธ์เป็นหลัก นะครับ ถ้าเราสามารถต่อยอดไปถึงในระดับการคัดเลือกนักกีฬาที่มีพรสวรรค์เลยคงจะดีไม่น้อย

แล้วทำไมถึงน่ากลัวสำหรับกีฬาของบ้านเรา ผมจะยกตัวอย่างเช่นกีฬามวยไทย สมัยก่อนเรามีศิลปะการต่อสู้ มวยไทย มีแม่ไม้มวยไทย ที่ยากจะหาใครจับได้ มีการฝึกซ้อมมวยที่ไม่เป็นรองใครในโลก แต่ในปัจจุบัน แม่ไม้มวยไทยทั้งหลาย ถูกฝรั่งใช้เทคนิคของวิทยาศาสตร์การกีฬาย้อนรอย นี่แหละครับ พัฒนาแบบฝึกต่างๆ และรู้ว่ากล้าเนื้อมัดไหนมีการทำงานอย่างไร นำข้อมูลเหล่านี้ไปออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อม พัฒนากลายเป็น Ulitmate Fighter:UFC, Mixed Martial Art:MMA ที่มีคนติดตามมากมาย สร้างมูลค่าการตลาดอย่างมาก ในขณะที่คนจัดมวยไทย นั่งดูตาปริบๆ และภูมิใจอยู่กับศิลปะประจำชาติไปวันๆ ที่นับวันจะเลือนหายตายจากไปกับตัวบุคคล

สำหรับโค้ชคนใดหรือใครอยากจะเอาเทคนิคนี้ไปลองใช้ ก็เชิญตามสบายเลยนะครับ หากมีใครมีข้อเสนอแนะเขียนมาคุยกันได้นะครับ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ใครว่าพาร์กินสันออกกำลังกายไม่ได้ ลงวิ่งอัลตร้าเทรลกันเลยทีเดียว

พาร์กินสันก็ลงอัลตร้า ได้นะ Parkinson and Exercise... วันนี้ขออนุญาตแชร์เรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ให้ฟังนะครับ เพื่อนผมชาวแคนนาดา เป็นครูสอนว่ายน้ำ อาศัยอยู่ที่ฮ่องกงครับ เขาถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาทราบว่าป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนส่วนใหญ่ที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งหรอกครับ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขานั่นก็คือการออกกำลังกาย นั่นเอง หลังจากที่เริ่มฝึกออกกำลังกายอย่างจริงจังเมื่อประมาณ สิบเดือนที่แล้ว คริส  ก็เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังและซ้อมวิ่ง ภายใ้ต้การดูแลโดยสตีฟ เน้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (อากาศนิยม) และ ฝึกความแข็งแรง รวมทั้งการเคลื่อนไหวของข้อต่อ Joint Mobility เราเลือกการฝึกแบบแอโรบิค โดยการคุม โซนอัตราการเต้นของหัวใจครับ และทดสอบระดับแลคเตททุกๆเดือน การกำหนดโปรแกรมเนื่องจากข้อจำกัดของคริส คือ ไม่สามารถจะทำการทดสอบ VO2max แบบทางอ้อม สตีฟ ได้เลือกวิธีการทดสอบด้วย Non-Exercise Test แลนำมาหาความสัมพันธ์กับการเจาะแลคเตท ด้วยวิธีการ Cooper's test ครับ วันนี้คริส สามารถจบรายการ Cordillera Conservation T

Full Squat VS Half Squat มุมมองในเชิงชีวกลศาสตร์

ศิริเชษฐ์  พูลทิพายานนท์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา มศว เป็นที่ถกเถียงกันในวงการเทรนเนอร์ในเรื่องของ Half Squat VS Full Squat นะครับ วันนี้เลยอยากจะเสนอมุมมองใหม่ในทางชีวกลศาสตร์กันดูบ้างสำหรับเรื่องของการสควอท ท่ายอดฮิตนะครับ สำหรับเทรนเนอร์ทั้งหลาย  โดยวันนี้ผมจะขอเขียนเป็นสามด้านนะครับ เปรียบเทียบกันทั้งสองท่าน ระหว่าง Half Squat และ Full Squat แต่ต้องขอออกตัวก่อนนะครับ นี่เป็นเพียงแค่การทำตัวอย่างนะครับ ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่อย่างใด สำหรับว่าท่าไหนจะดีกว่ากันนะครับ ซึ่งจะต้องมีการศึกษาวิจัยกันอีกต่อไป แต่ที่แน่นอนนั่นก็คือ จุดมุ่งหมายแตกต่างกันแน่นอน ครับ แต่การนำไปใช้ก็ต้องมีข้อควรระวังด้วยนะครับ  *****ไม่งั้นจะหาว่าเจ้าของบล็อกไม่เตือน**** ผมทดลอง Squat อาสาสมัครเป็นผู้หญิง น้ำหนักประมาณ 65 กิโลกรัม ส่วนสูง 170.5 เซนติเมตร ผมลองทำโมชั่นแคปเจอร์ ของอาสาสมัคร โดยทำท่าสควอท สองแบบ นะครับ แบบแรกก็คือ การทำ Half Squat และ อีกแบบนึงก็คือการทำ Full Squat ครับ โดยผมเก็บการเคลื่อนไหว ด้วย IMU Sensors ซึ่งเป็นเซนเซอร์วัดความเร่งและการเคลื่อนไหวติดตาม ส่วนต่างๆของร่างกาย จากนั

EMMAA ระงับกิจกรรมทั้งหมดกับ IMMAF

  วันที่ 4 พฤษภาคม 2023 - สมาคมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานแห่งอังกฤษ (EMMAA) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะระงับการมีส่วนร่วมของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ตัดสินจากการแข่งขันและกิจกรรมทั้งหมดของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานนานาชาติ (IMMAF) จนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม เหตุผลของการตัดสินใจ การตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากจดหมายที่ EMMAA ส่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2023 ซึ่งได้รายงานถึงปัญหาด้านการปกป้องเด็กและการล้มเหลวของ IMMAF ที่ไม่ดำเนินการแก้ไขในเวลาที่ควร การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากมุมมองทางศีลธรรมและความซื่อสัตย์ หลังจากการปรึกษาหารือกับที่ปรึกษากฎหมายมืออาชีพ ประวัติความเป็นมาของ IMMAF แม้ว่า IMMAF จะเคยให้โอกาสและความทรงจำที่ดีแก่นักกีฬาของ EMMAA มาโดยตลอด แต่ปัจจุบันมาตรฐานของ IMMAF ได้เสื่อมโทรมลงอย่างมาก ทำให้ EMMAA ต้องตัดสินใจระงับการมีส่วนร่วมของตน ความขอบคุณต่อทีมงาน EMMAA ขอบคุณทีมงานอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการจัดการแข่งขันของ IMMAF อย่างไรก็ตาม EMMAA เห็นว่า ประธานกรรมการ ผู้บริหาร และคณะกรรมการของ IMMAF ได้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่